ทำไมต้องเป็น “เมตตาสมาธิ”
เพราะใจไม่มีเมตตา เราจึงมีครูใจร้ายดังที่เป็นข่าว
เพราะใจไม่มีเมตตา เราจึงมีนักการเมืองที่มุ่งกอบโกย เเสวงหาเงินเเละอำนาจ
เพราะใจไม่มีเมตตา เราจึงมีคนรุ่นใหม่เเต่ใจขาดความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน มุ่งเอาเเต่สิทธิ์ด้วยจิตเห็นเเก่ตัว
เพราะใจไม่มีเมตตาเราจึงเห็นการกอบโกยทำลายล้างทรัพยากรโลกอย่างรุนเเรง โลกเร่าร้อน เเตกเเยก
เพราะขาด “เมตตาจิต”
หากกระเเสเมตตาซึมซาบลงสู่ดวงใจผู้คนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ทุกวิชาชีพ
เราจะมีครูผู้เปี่ยมเมตตาปรารถนาดีต่อศิษย์ สั่งสอนด้วยใจไร้ความโลภ โกรธ ความรุนเเรง
นักการเมืองที่มุ่งสร้างคุณประโยชน์ต่อชาติ ประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวม
เยี่ยง “รัฐบุรุษ”
เเพทย์ผู้เสียสละ รักษาคนไข้ด้วยใจเมตตา มุ่งผลการรักษาเพื่อดับทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ
นักปกครอง ผู้นำชุมชนที่มีเมตตาเอ็นดูต่อคนในชุมชน มุ่งประโยชน์ความกินดีอยู่ดี ความเจริญของชุมชน
เเละประชาชนคุณภาพอีกมากมายที่สามัคคีร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สร้างสรรค์บ้านเมืองให้มั่นคง
เเละเเน่นอนที่สุด “เมตตา” พาไทยสู่ชาววิไล ผู้มีใจสูง เมื่อเจริญด้านจิตใจเเล้ว ความเจริญทางวัตถุย่อมยั่งยืน
ขอ “เมตตา” จงปรากฏกระจ่าง ต่อใจทุกดวงผู้คู่ควร
สู่ยุค “ชาววิไล”