green and brown plant on water

วิถีแห่งกุศลและการปล่อยวาง

เวลาอ่าน : 4 นาที

เสียงธรรมจากห้อง  “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน” 

 วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2568

เรื่อง วิถีแห่งกุศลและการปล่อยวาง

โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค

กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายทั่วร่างกาย พร้อมกับความรู้สึกเราปลดปล่อยจากความรู้สึกเชื่อมโยงเกาะเกี่ยว ในร่างกายขันธ์ห้า ผ่อนคลายปล่อยวางร่างกายขันธ์ห้าจนจิตเข้าสู่ความสงบ

จากนั้นจินตภาพว่าภายในความคิดจิตใจของเรา ปล่อยวางภาระ ความห่วง ความวิตกทั้งหลาย สิ่งรบกวนจิตใจทั้งหลาย ภาระที่เราแบกไว้ กิจการงาน ความกังวลถึงบุคคลอื่น ปล่อยวางภาระของใจออกไปให้หมด จิตสงบ ปล่อยวาง ว่าง วาง และเบา

ปล่อยวางกายและใจ กำหนดรู้ว่าเมื่อเราปล่อยวาง จิตเราเข้าถึงความสงบ

ความทุกข์ทั้งหลายเกิดขึ้นที่จิตใจ ดับก็ดับที่ใจของเรา ปล่อยวาง ปลดห่วง ปลดภาระทั้งหลาย ใจเราเข้าถึงความสงบ

จากนั้นจินตภาพเห็นลมหายใจของเราเป็นเหมือนกับแพรวไหมตลอดสายตลอดทั้งกองลม กลั่นลมหายใจเป็นกระแสปราณพลังงานอันบริสุทธิ์ ไหลเวียนเข้าออกในกายของเรา ลมหายใจสบาย ละเอียดอ่อน สงบ เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต กายเบา จิตเบา ลมหายใจยิ่งละเอียด จิตยิ่งปลอดโปร่ง เข้าถึงความสงบความสบาย ลมหายใจสบายเชื่อมโยงกับความรู้สึกถึงอารมณ์ใจที่สบาย ทรงสภาวะความสงบในอานาปานสติกรรมฐาน ทรงฌานในอารมณ์สบาย เป็นวิหารธรรม ธรรมอันเป็นเครื่องอยู่แห่งความสงบร่มเย็นของใจ

จากนั้นเรายกกำลังจิตตานุภาพจากลมเบาสบายละเอียด กำหนดหยุดจิต นิ่งหยุด เข้าสู่ฌานสี่ในอานาปานสติกรรมฐาน  หยุด หยุดจิต หยุดการปรุงแต่ง เข้าถึงอุเบกขารมณ์ จิตวางเฉย จิตหยุดปรุง

จากนั้นเดินจิตจากอานาปานสติเข้าสู่กสิณ จุดที่หยุดกำหนดจากจุดกลายเป็นดวงแก้วสว่างขึ้น สว่างขึ้นใสขึ้น สว่างขึ้นใสขึ้น ทรงสภาวะความใสความสว่าง

จากนั้นจึงกำหนดในความใสความสว่าง ดวงแก้วเชื่อมโยงระหว่างภาพนิมิตกับจิตของเราเป็นหนึ่งเดียว จิตคือกสิณ กสิณคือจิต กสิณมีความผ่องใส จิตเราพลอยมีความผ่องใสเพียงนั้น

จากจิตที่สว่างผ่องใส ใจเป็นสุข กำหนดจิต จากจิตที่เป็นอุคคหนิมิตขึ้นสู่ปฏิภาคนิมิต กำหนดเห็นจิตกลายเป็นเพชรประกายพรึก ภาพนิมิตของกสิณเป็นเพชรประกายพรึกระยิบระยับแพรวพราว กำหนดทรงสภาวะกำลังแห่งกสิณเต็มกำลัง เพชรที่แพรวพราวนั้น ปรากฏเส้นแสนกระจายตัวไปโดยรอบมีความเข้มข้น เป็นรัศมีของจิต เป็นเส้นรุ้งเส้นแสงโดยรอบ พ้นจากรัศมีของรัศมีจิตที่เป็นเส้นแสง ปรากฏสภาวะบรรยากาศแห่งความเป็นทิพย์ อาณาเขตแห่งความเป็นทิพย์ มีสภาวะเป็นเหมือนกับบรรยากาศโดยรอบนั้น พร่างพรายรายรอบด้วยกากเพชรที่โปรยปรายระยิบระยับ ทรงสภาวะที่จิตเป็นเพชรประกายพรึกเต็มกำลัง เส้นแสงรัศมีจิตเปล่งประกายเต็มกำลัง สภาวะอาณาเขตโดยรอบปรากฏความเป็นทิพย์พร่างพรายรายรอบ ทรงอารมณ์ทรงสภาวะไว้ จิตเสวยความสุขจากอารมณ์ใจแห่งความเป็นทิพย์

กำหนดน้อมเชื่อมโยงรัศมีกายรัศมีจิตของเรา ให้กระแสรัศมีของจิตเป็นคลื่นเป็นกระแสแห่งเมตตา ใจยิ่งอิ่มยิ่งสุข ยิ่งผ่องใสยิ่งสว่างขึ้น จิตเข้าถึงสภาวะแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ เข้าถึงสภาวะแห่งจิตผู้เป็นผู้ปราศจากการเบียดเบียนผู้ปราศจากเวรภัย จนกลายเป็นธรรมชาติ จิตปราศจากศัตรู ปราศจากการเบียดเบียน ปราศจากความคิดร้าย จิตมีแต่กระแสแห่งเมตตา มีแต่กระแสแห่งกุศล มีแต่กระแสของความร่มเย็นเป็นสุข จิตยิ่งสว่างคลื่นกระแสรัศมีของจิตยิ่งลื่นไหลกระจายสว่างเพิ่มขึ้น จิตยิ่งเป็นสุขมากขึ้น สว่างขึ้นใสขึ้น

ทรงอารมณ์ทรงสภาวะที่จิตประภัสสร จิตเข้าถึงจิตเดิมแท้ จิตทรงสภาวะแห่งความเป็นทิพย์เต็มกำลัง ทุกอย่างผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับจิตของเรา จิตผ่องใสประภัสสร จิตมีกำลังแห่งความเป็นทิพย์ จิตมีความสุขความอิ่มเอม จิตมีเมตตาอันไม่มีประมาณ ทรงสภาวะกำหนดรู้ว่าจิตที่เรากำลังเข้าถึงสภาวธรรมนี้ เป็นสภาวะเป้าหมายแห่งการปฏิบัติขัดเกลาจิตของเรา ทรงสภาวะทรงอารมณ์กรรมฐาน เพื่อปรับจิตปรับใจของเรา ยกภูมิจิตภูมิธรรมของเราขึ้น คุณธรรมของผู้ทรงพรหมวิหารสี่ ภูมิของจิตอันมีกำลังแห่งจิตตานุภาพแห่งความเป็นทิพย์ จิตที่ทรงไว้ในภูมิจิตแห่งกุศลจิต ใจเอิบอิ่มยินดีในกุศล ในความสว่าง ในความสุขผ่องใส ที่ใจเราจิตเรากำลังเสวยอารมณ์อยู่นี้ เป็นธรรมะฉันทะในการวางจิต ในการปฏิบัติขัดเกลาจิตของเรา ยิ่งปฏิบัติจิตยิ่งสูงส่ง จิตยิ่งดีงามขึ้น ยกระดับขึ้น

เมื่อจิตของเราละเอียดปราณีต มีกระแสแห่งกุศล กระแสแห่งเมตตา กระแสแห่งบุญสมบูรณ์พร้อมเต็มแล้ว เราก็กำหนดน้อมรำลึกนึกถึงว่าความบริสุทธิ์ผ่องใสที่จิตเราเข้าถึงนี้ เราปฏิบัติจนเข้าถึงแก่นคำสอนของพระพุทธศาสนา ละอกุศลทั้งหลาย ยังกุศลให้ถึงพร้อม รักษาจิตให้มีความผ่องแผ้ว ผ่องใส เบิกบานวิมุติบริสุทธิ์หมดจด เราปฏิบัติตั้งกำลังใจเป็นพุทธบูชา บูชาคุณพระพุทธเจ้า

เมื่อเราน้อมนึกและตั้งกำลังใจไว้ตรงแล้ว เราจึงกำหนดจิต ทรงภาพองค์พระสว่างเป็นเพชรระยิบระยับ องค์พระปรากฏขึ้นอยู่กลางจิตกลางใจของเรา พุทธานุภาพมาสถิตรักษาเป็นหนึ่งอยู่ในจิตของเรา จิตที่เป็นเพชรประกายพรึก ปรากฏองค์พระสว่างเป็นเพชรแพรวพราว ทรงอารมณ์ไว้ เพื่อให้เกิดฌาน เกิดตบะ เกิดวสี ในการทรงอารมณ์ สงบนิ่ง เอิบอิ่ม เป็นสุข นอบน้อม

เมื่อทรงอารมณ์จนจิตมีความตั้งมั่นในพุทธานุสติ ความนอบน้อมความศรัทธาในพระรัตนตรัย เมื่อใดที่จิตเราเข้าถึงความศรัทธาและใจที่นอบน้อมในพระรัตนตรัย กำลังแห่งพุทธานุภาพพระพุทธองค์ก็เมตตาสงเคราะห์เราได้เต็มกำลังฉันนั้น

กำหนดน้อมจิตของเรา อาราธนากระแสพุทธานุภาพพุทธบารมีขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่สุด ขอยกจิตของข้าพเจ้าพุ่งขึ้นยังพระนิพพาน ปรากฏสภาวะจากดวงจิตที่เป็นดวงแก้ว ปรากฏแปรรูปแห่งดวงจิต เป็นกายทิพย์อาทิสมานกาย คือกายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพาน

อธิษฐานจิตเมื่อกายแห่งพระวิสุทธิเทพปรากฏ ด้วยจิตที่มีธรรมะฉันทะปรารถนาในพระนิพพานเป็นที่สุด ก็กำหนดจิต ขออาราธนาสมเด็จองค์ปฐมพร้อมทั้งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์  พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ เมตตาเสด็จปรากฏอยู่เบื้องหน้า เป็นมหาสมาคมบนพระนิพพาน เมตตาสงเคราะห์ข้าพเจ้าทั้งหลาย กำหนดจิตใช้กายทิพย์ กายพระวิสุทธิเทพน้อมกราบบังคมลงแทบเบื้องพระบาทของทุกๆพระองค์ ด้วยความเคารพ ด้วยความนอบน้อม

เมื่อกราบลงแล้ว เราก็กำหนดจิตพิจารณาแนบในอารมณ์วิปัสสนาญาณ ในอารมณ์แห่งพระนิพพาน ตัดกายที่เป็นกายหยาบกายเนื้อขันธ์ห้า เห็นกายแยกในสภาวะที่หลุดร่อนร่วงจากเปลือกกรรมฐานห้า คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง จากนั้นเห็นการเน่าเปื่อยผุพังของขันธ์ห้าร่างกาย พร้อมกับความรู้สึกว่า เราไม่มีความอาลัย ความห่วง ความเสียดาย ในร่างกายขันธ์ห้านี้อีกต่อไป ขึ้นชื่อว่าการมีร่างกาย จะเป็นชาติสุดท้ายของเรา

จากนั้นจึงพิจารณาตัดภพ แม้ภพชาติการเกิดของการเป็นมนุษย์ ต่อให้เป็นมนุษย์ที่มีความสูงศักดิ์ มีความพรั่งพร้อม ในลาภทั้งหลายวัตถุทั้งหลาย ร่ำรวยเงินทองมากเพียงใด แต่ก็ไม่พ้นความวุ่นวาย ไม่พ้นการถูกเบียดเบียน หรือไม่พ้นการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน รวยมากก็มีคนจ้องจะเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบ จนก็มีความทุกข์ จากความขัดสน จากความขาดแคลน ขึ้นชื่อว่าการเป็นมนุษย์ เต็มไปด้วยความทุกข์ เราไม่ยินดีในภพแห่งการเกิดอีกต่อไป หรือแม้กระนั้น ภพแห่งการเกิดเป็นเทวดา ไม่ว่าจะเป็นภุมเทวดาอากาศเทวดา เราก็ไม่ปรารถนา ความเป็นพรหม เราก็ไม่ปรารถนา ความเป็นอรูปพรหม เราก็ไม่ปรารถนา ยิ่งอบายภูมิ คือความเป็นสัตว์เดรัจฉานเปรตอสุรกายหรือสัตว์นรกทั้งหลาย เรายิ่งไม่ยินดี เรายิ่งปรารถนาที่จะปิดอบายภูมิทั้งปวง

กำหนดจิตตัดอาลัยในชาติภพทั้งหลาย ยิ่งตัดชาติภพได้ชัดเจนละเอียดเท่าไร การที่เรามีญาณ เช่น บุพเพนิวาสานุสติญาณ สามารถรำลึกรู้ในอดีตชาติได้ เราก็จะรู้เพื่อตัด รู้เพื่อให้เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในการเกิดในการเวียนว่ายตายเกิดทั้งปวง ญาณนี้ก็จะกลายเป็นญาณแห่งความเป็นอริยะ ญาณเครื่องรู้ เป็นไปเพื่อการสิ้นแห่งกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน โลกียญาณเป็นไปเพื่อผูกมัดร้อยรัดจิตเราให้หลงอยู่กับวัฏสงสาร โลกุตระญาณเป็นญาณที่เป็นไปเพื่อละ เพื่อตัดสังโยชน์ เพื่อเกิดปัญญาญาณในธรรม จนจิตยิ่งเข้าสู่วิมุตติ คือพระนิพพานได้เร็ว เกิดความเบื่อหน่าย เกิดนิพพิทาญาณ เกิดสังขารุเปกขาญาณ จนกระทั่งเข้าถึงวิมุตติญาณทัสสนะ มีพระนิพพานเป็นที่สุด

จิตเราทรงสภาวะอยู่บนพระนิพพาน น้อมจิตเสวยอารมณ์แห่งพระนิพพาน ความสุขแห่งการไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป ความสุขที่กรรมทั้งหลาย ไม่อาจให้ผลกับเรา ความทุกข์ความบีบคั้นไม่อาจที่จะทำให้ใจเราทุกข์ได้อีกต่อไป สภาวะที่กรรมทั้งหลายไม่อาจส่งผลให้กับเรา อารมณ์ที่อุปมาให้เราเห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น คนที่มีภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก ที่ถูกทวงถามเช้าเย็นจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย มีคนรอที่จะทำร้ายเพราะเราไปติดหนี้เขา ถูกขู่เข็ญในวิธีการต่างๆ แต่ครั้นเมื่อเราหมดหนี้หมดสินไม่มีภาระ ไม่มีเรื่องวุ่นวาย ไม่มีความเสียวสันหลังว่าเมื่อไรเราจะถูกทวงหนี้ อารมณ์จิตที่สิ้นจากหนี้เวรหนี้กรรม พ้นจากอำนาจแห่งกรรมทั้งหลายที่จะให้ผลก็เป็นเช่นนั้น วางอารมณ์ใจเราจากภาระ จากทุกข์ จากหนี้เวรหนี้กรรมทั้งหลาย

กำหนดจิตให้ยิ่งเห็นพระคุณแห่งพระนิพพาน กำหนดน้อมใจเราลง ว่าทำไมพระพุทธองค์ ครูบาอาจารย์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย หลวงพ่อท่านปรารถนาที่จะให้เราเข้าถึงวิมุติคือพระนิพพาน ทรงอารมณ์ความผ่องใส กายพระวิสุทธิเทพสว่างเป็นเพชรระยิบระยับ องค์พระที่ท่านเมตตาเสด็จมาโปรดมาปรากฏสว่างรายรอบไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา

กำหนดน้อมเห็นกัลยาณมิตรที่เจริญพระกรรมฐานร่วมกันในสภาวะกายพระวิสุทธิเทพเรียงรายเต็มไปหมด

กำหนดน้อมดูจิตของเราในขณะนี้ ในขณะที่กายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพาน เจริญพระกรรมฐานอยู่บนพระนิพพาน ว่าใจของเรานั้นยินดีกับพระนิพพานหรือไม่ จิตของเราปล่อยวางจะภพทั้งหลาย สังโยชน์ทั้งสิบ  กำหนดพิจารณารู้ในจิตของเราเป็นปัจจัตตัง ปรับจิตปรับใจของเราให้มีความน้อมเข้าถึงธรรมะฉันทะ คือความยินดีในพระนิพพาน ยิ่งธรรมฉันทะมีกำลังสูงกว่าอำนาจความอยากของกิเลสตัณหาที่เราปรารถนาพึงใจ อยู่กับภพ อยู่กับโลก อยู่กับสังสารวัฏ ธรรมะฉันทะในพระนิพพานมีมากเท่าไร จิตเราก็จะหลุดพ้นจากอำนาจแรงดึงดูดของกิเลสตัณหาอุปทานทั้งหลายได้มากเพียงนั้นเช่นกัน จิตพึงพอใจในพระนิพพาน ตั้งมั่นในพระนิพพาน รักและเป็นหนึ่งเดียวกับพระนิพพาน

จากนั้นน้อมพิจารณาธรรมด้วยปัญญา โดยน้อมธรรมที่อาจารย์ได้ฟังจากครูบาอาจารย์ทางสายหลวงปู่ใหญ่หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านเมตตาสอน ว่าจิตของเราได้แต่ละขณะนั้น เราเหมือนเดินอยู่บนทางแยก ทุกการตัดสินใจมันสร้างหนทางสร้างวิธีสร้างกรรมสร้างวิบากที่แตกต่างกัน ถ้าเราตัดสินใจเลือกไปทางหนึ่งที่เป็นทางของอกุศล เราก็จะถลำลงไปในเส้นทางของอกุศลมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราเลือกทางที่เป็นกุศล เราก็ก้าวเข้าสู่กุศลห่างไกลจากอกุศลมากขึ้นเรื่อยๆ

ในแต่ละขณะจิตในแต่ละวันที่เราพบพานกับเหตุการณ์ต่างๆ ถ้าเราเลือกในเส้นทางแห่งกุศลกรรม วิบากที่จะเกิดขึ้นมันก็หมดมันก็สิ้น เช่นสมมุติว่าในระหว่างวัน เราขับรถไปพบคนที่เขาขับรถไม่สุภาพ เราบีบแตรไล่ จนกระทั่งมีเรื่องมีราว  เราตัดสินใจที่ไม่ยอม สุดท้ายการตัดสินใจที่เราไม่ยอมคือไม่ปล่อยวาง ก็จะทำให้เกิดการทำร้าย เกิดการทะเลาะวิวาท เกิดคดีความ  เกิดความวุ่นวายขับรถไล่ชนกันไป จนกระทั่งถึงการเสียชีวิตจากการที่คู่กรณีพิพาทเขาเอาปืนมายิงเราก็ได้ แต่ในทางเลือกเดียวกันแล้วตัดสินใจที่จะปล่อยวาง ปล่อยเขาไปไม่มีเรื่อง เราก็เข้าสู่ทางที่ดับวางอโหสิ วิบากที่จะเกิดขึ้นมันก็ดับลง

ดังนั้นการปล่อยวางก็ดี การหยุดก็คือหยุดตัวเองจากอกุศลกรรมก็ดี มันก็เป็นทางเลือกที่เราสามารถตัดสินใจได้ ว่าจะลุแก่โทสะหรือเราจะปล่อยวางชนะใจตน คำว่าชนะใจตนนั้นก็มาจากการที่เราชนะกิเลส ชนะโทสะที่มันกำเริบขึ้นในใจ ชนะโลภะที่มันกระตุ้นความอยากให้เรากระทำทุจริต

ดังนั้นในทุกขณะมันมีทางเลือก ให้เราตั้งกำลังใจอธิษฐานว่า ข้าพเจ้านับจากนี้เราเดินในสายของมรรคผลพระนิพพาน  เราเดินในสายของโลกุตรธรรม ทุกทางเลือกนับแต่นี้ในชีวิตตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน เราขอเลือกตัดสินใจเป็นทางแห่งกุศล ทางแห่งการอโหสิ ปล่อยวาง หนทางแห่งการดับ ดับความทุกข์ ดับความวุ่นวายเป็นสำคัญ ทางแห่งกุศลเป็นทางแห่งความสงบเย็น

แล้วท่านก็สอนต่อไปอีกว่า ถึงเวลาพอจิตเราละเอียดขึ้นปราณีตขึ้น มันไม่ใช่เพียงแต่ว่ามันจะมีทางเลือกแค่สองทาง อันที่จริงในทุกเหตุการณ์ มันสามารถที่จะมีทางเลือกได้สี่ทาง ห้าทาง สิบทาง ทางเลือกความเป็นไปได้มีมากมายมหาศาล  เช่น การที่มีคนเขาบอกบุญเรา ถ้าเป็นทางของอกุศลมันแทรกมาอย่างรวดเร็ว จิตเราก็จะคิดว่าการที่เขามาบอกบุญเรามันเป็นเรื่องน่ารำคาญ จิตก็เกิดอกุศล ไม่มีความยินดีในบุญในกุศล หรือคราวนี้การที่เขาบอกบุญ ใจเราก็ตัดสินใจโมทนาเฉยๆ ใจเราตัดสินใจร่วมบุญด้วย ใจเราตัดสินใจว่าเราจะใช้กำลังสูงสุดในการร่วมบุญ คือใช้จิตที่เป็นกุศลนอบน้อมในการถวายทานร่วมบุญ หรือเราอาจจะทั้งทำบุญด้วย กระจายข่าว เป็นไวยาวัจกรในการประกาศงานบุญงานกุศลประชาสัมพันธ์บุญต่อไปด้วย ดังนั้นอันที่จริงแล้วเส้นทางของกุศลก็มีทางเลือกต่อไปอีก

แม้แต่การทำทานก็มีทางเลือกต่อไปว่า เมื่อเราทำทานแล้วเราปรารถนาอธิษฐานจิตให้ทานนั้นส่งผลอย่างไรกับเรา ทานนี้ขอให้เรารวยคืออยังเกิดเป็นมนุษย์เราร่ำรวย ทานนี้เราอธิษฐานปรารถนาให้เป็นเทวดามีทิพยสมบัติ ทานนี้เราอธิษฐานปรารถนาให้เราเป็นมหาจักรพรรดิเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ทานนี้เราอธิษฐานเพื่อพระนิพพาน หรือทานนี้แล้วอธิษฐานเพื่อพระโพธิญาณ ดังนั้นพอจิตเราละเอียดชัดเจนรู้ภพชาติ เราก็จะเห็นทางเลือกและเราก็เลือกในจุดที่ดีที่สุดสูงที่สุดตรงกับจิตของเรา ตรงกับใจที่เราปรารถนาที่สุดตามไปด้วย กำหนดรู้กำหนดยกระดับปัญญาญาณในการพิจารณา กำหนดสติชัดเจนในตนในเป้าหมายแห่งตน และในขณะเดียวกันท่านก็สอนว่าการปฏิบัติการเจริญพระกรรมฐาน ท่านใช้ศัพท์คำหนึ่งว่า จุดสำคัญในการที่เราปฏิบัติเจริญพระกรรมฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติทางสายวัชรยานก็ดี มหายานก็ดี สิ่งซึ่งสำคัญก็เป็นหลักเดียวกันกับของเถรวาท ท่านใช้ศัพท์คำว่า

“เมื่อเราปฏิบัติเจริญพระกรรมฐานได้มากพอ เราจะสามารถกำหนดจุติคือ การจุติของเราได้ ว่าตายไปแล้วเราปรารถนาที่จะไปจุติยังภพใดชาติใด” จะแตกต่างกันกับคนทั่วไปที่เขาไม่ได้เจริญพระกรรมฐาน เพราะการกำหนดจิต การกำหนดรู้ การเข้าใจเรื่องจิตสุดท้ายก่อนตาย คนที่จะพึงเข้าใจได้ ต้องผ่านการภาวนาเข้าใจเรื่องจิตในระดับหนึ่ง

การกำหนดจุตินั้น สำหรับเราเราปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน การกำหนดจุติของเราก็คือ เราฝึกมโนมยิทธิเพื่อยกจิตขึ้นมาบนพระนิพพาน ตายเมื่อไรเราถึงซึ่งพระนิพพานเพราะเรายกจิตมาเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็ถือว่าเป็นการกำหนดการจุติ แต่การจุติโดยการเข้าถึงซึ่งพระนิพพานนั้นเป็นการตัดภพ ตัดสังสารวัฏ ตัดสังโยชน์สิบ กำหนดจิตยังพระนิพพานจุดเดียว แต่การจุตินั้นยังถือว่าเป็นการเกิดในสังสารวัฏ เราดับสังสารวัฏ การปรากฏกายพระวิสุทธิเทพบนพระนิพพานเป็นการพ้นจากสังสารวัฏ

กำหนดจิตตนพ้นจากวัฏสงสาร กำหนดน้อมจิตความชัดเจนในใจ เป้าหมายแห่งการปฏิบัติธรรมของเรา เมื่อไรก็ตามที่เราปฏิบัติโดยมุ่งปรารถนาพระนิพพานเป็นที่สุด มุ่งปรารถนาพระนิพพานเพียงจุดเดียว การปฏิบัติธรรมของเรา อภิญญาสมาบัติของเรา ก็จะกลายเป็นโลกุตระอภิญญา มันจะไม่ผิด มันจะไม่เพี้ยน มันจะไม่เฝือ มันจะไม่ถูกอำนาจของมารและกิเลสทั้งหลายมาครอบงำ มาบิดเบือนให้ความรู้เห็นในความเป็นทิพย์มันมีความเฝือมีความผิดเพี้ยนไปได้ ถ้าจิตเราตั้งมั่นอยู่กับพระนิพพาน จิตเราตั้งมั่นชัดเจนอยู่กับเป้าหมายในการสิ้นอาสวะกิเลสทั้งหลาย

กำหนดน้อมชำระใจของเรา ความกระจ่างแจ้ง ความรู้แจ้งแทงตลอดในพระนิพพาน การกำหนดชัดเจนในจิตของตน กำหนดจนกายพระวิสุทธิเทพเรายิ่งสว่างขึ้นใสขึ้น อันนี้เป็นธรรมที่พระอาจารย์หนุนท่านเมตตาสอน ยิ่งสว่าง สว่างใส สว่างใสขึ้น ละเอียดขึ้น จิตยิ่งละเอียดขึ้น ใสขึ้น ใสแล้วใสอีก สว่างแล้วสว่างอีก ผ่องใสแล้วผ่องใสอีก จุดนี้ก็ถือว่าเป็นการกลั่นจิตของเรา ภาพมโนมยิทธิจากครึ่งกำลังกลายเป็นเต็มกำลังด้วยเทคนิคของการที่เรากลั่นจิต ใสแล้วใสอีก สว่างแล้วสว่างขึ้นไปได้อีก ผ่องใสแล้วผ่องใสอีก จิตเป็นสุขวิมุติแล้ว วิมุติสูงขึ้นไปอีก ทรงอารมณ์ของเรา ยกจิตทะยานขึ้นสู่ความผ่องใสขึ้น กลั่นให้สว่างขึ้นใสขึ้นไปอีก ฝึกเป็นวสีของแต่ละบุคคล คนที่เขาสว่างกว่าใสกว่าก็เพราะว่าเขาฝึกว่าจิตเขาสะอาดจากกิเลส

ความสว่างผ่องใสกำลังของมโนมยิทธิ มีปัจจัยสำคัญดังนี้

ความนอบน้อมในพระรัตนตรัยยิ่งสูงพุทธานุภาพที่สงเคราะห์เรายิ่งมาได้สูงกว่าผู้ที่มีจิตหยาบ จิตกระด้าง จิตลบหลู่จิตปรามาสพระรัตนตรัย

2. กำลังฌานสมาบัติ ยิ่งกลั่นจิตจนสว่างจนใส จนอารมณ์จิตยิ่งสุด ความชัดเจนยิ่งเพิ่ม

3. จิตยิ่งตัดกาย ละ วาง ร่างกาย เจริญวิปัสสนาญาณ มีความละเอียดถึงจิตถึงใจ ลึกซึ้งดื่มด่ำจนจิตมันละมันวางมันถอดถอนได้มากเท่าไร ความชัดเจนความถูกต้องของความเป็นทิพย์ของมโนมยิทธิของญาณเครื่องรู้ยิ่งดีขึ้นตรงขึ้น

พอเรารู้แก่นจับแก่นเข้าใจประเด็น เข้าใจหลักของการปฏิบัติ เราก็จะสามารถรู้เป้าหมายในการพัฒนาจิตของเรา ขาดตรงไหน เด่นตรงไหน ต้องเพิ่มต้องเติมเสริมตรงไหน จุดสำคัญก็ตรงกับที่หลวงพ่อท่านสอน อย่าคิดว่าเราดีแล้ว อย่าคิดว่าเราเห็นเท่านี้แล้วพอ ยังดีได้มากกว่านี้

การเจริญปัญญา คือวิปัสสนาญาณตัดกิเลส เราอย่าคิดว่าตัดแค่นี้พอ เราตัดได้ละเอียดกว่านี้ไหม ตัดได้ลึกกว่านี้ไหม ตัดจนหมดหัวจิตหัวใจได้ลึกซึ้งมากกว่านี้ไหม ตรงนี้ก็เป็นกำลังในการพัฒนาจิต พัฒนาการปฏิบัติธรรมของเรา

ตอนนี้ให้เราทุกคนกลั่นใจของเราสว่างขึ้นใสขึ้นละเอียดขึ้น กายทิพย์ยิ่งแพรวพราวขึ้นสว่างขึ้น

ตั้งใจนะอาจารย์ตั้งใจจะเล่านิทานจะเล่าตัวอย่าง ของบุคคลให้ฟัง ให้เรารู้กำหนดรู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ได้มาเจริญพระกรรมฐาน อันนี้เป็นเรื่องจริงที่เพิ่งเกิดขึ้นกับบุคคลหนึ่ง บุคคลนี้ก็ขอยกตัวอย่างเพื่อเป็นธรรมทาน บุคคลนี้เป็นผู้หญิงสุภาพสตรี อายุประมาณ 30 กว่ากลางๆ ได้เสียชีวิตลง เมื่อเสียชีวิตลงอย่างฉับพลันปุบปับ เขาก็มาปรากฏในรูปลักษณ์ในลักษณะต่างๆ กับญาติที่ใกล้ชิดรู้จักกันแล้วก็ดูแลครอบครัวนี้มา ทำให้รู้สึกถึงได้ทำให้สั่นจนทำอะไรไม่ได้ ทำให้เกิดฝูงแมลงวันจำนวนมากมายเต็มบ้านไปหมด เรียกเข้ามาจนรู้สึกว่าเป็นสภาวะที่ผิดปกติ แต่เนื่องจากญาติอีกคนนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรม ไม่ได้เจริญพระกรรมฐาน ไม่ได้ญาณ เขารู้สึกว่าคนที่ตายนั้นพยายามจะสื่อสารกับเขา ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัวสั่นตลอดเวลาจนทำงานไม่ได้ ลองคิดเอาว่าขนาดไหน ถ้าวิญญาณเข้าได้ก็คงจะเข้าไปแล้ว แต่คราวนี้โชคดีญาติที่ถูกรบกวน มีเพื่อนที่เจริญพระกรรมฐาน ก็กำหนดรู้ แล้วก็มาปรึกษา ก็ปรากฏว่าวิญญาณของผู้หญิงที่เขาเพิ่งเสียชีวิต เขามีความห่วงเนื่องจากคุณแม่เขายังไม่เสียชีวิตยังมีชีวิตอยู่ และบ้านที่คุณแม่อยู่ก็ยังผ่อนไม่หมด เขาเป็นคนผ่อนเป็นเจ้าของภาระ แต่คราวนี้พอเขาเสียชีวิตไปก่อน เขาก็ห่วงแม่ พอห่วงวิญญาณก็เกิดความเร่าร้อนดิ้นรน แสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ แสดงอาการต่างๆเพราะยังอยู่ในช่วงเจ็ดวัน เพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน คราวนี้พอกำหนดรู้แล้ว ทางเพื่อนของญาติก็กำหนดดูว่าควรทำบุญให้ ถวายสังฆทานไปให้ ทำบุญให้โดยเร่งด่วน อย่างน้อยให้ความเร่าร้อนความห่วงนั้นเบาลง ก็พบว่าถึงเวลาเมื่อทำบุญแล้วคลายตัวแล้ว เขาก็เห็นว่ามีพระองค์หนึ่งก็ปรากฏว่าญาติที่ถูกรบกวนนั้นได้นิมนต์พระมาโปรดมาเมตตามาพรมน้ำมนต์ พระท่านก็ช่วยอธิษฐาน ช่วยแผ่เมตตา จนกระทั่งทุกอย่างก็คลายตัวลงเบาลง ปรากฏเหลือแค่แมลงวันตัวใหญ่อยู่ในบ้านแค่ตัวเดียว พอเปิดประตูบอกว่าให้เขาไปเขาก็บินจากไป ก็เป็นว่าทุกอย่างคลายตัวลง

สิ่งที่เล่าสิ่งที่สื่อก็คือ คนเราที่ประมาทด้วยความไม่รู้ก็ดี ก็คือหลง หลงว่าเรายังไม่ตาย รอแก่ค่อยปฏิบัติธรรม จุดสำคัญก็คือการปล่อยวาง อย่างกรณีนี้ถือว่าเป็นกรณีศึกษาว่าเพราะปล่อยวางไม่ได้ ปล่อยวางไม่ได้ก็ต้องกลับมา ปล่อยวางไม่ได้ก็เกิดความเร่าร้อนเกิดความทุรนทุรายของจิต จิตจะไปดี จะไปเสวยวิมุติ จะไปสวยผลบุญ ก็ไปไม่ได้เพราะติดห่วง เราลองพิจารณาดูว่าเราปฏิบัติธรรมมาจนถึงขั้นนี้ ถ้าเราตายไปโดยที่ยังมีภาระทั้งหมด เช่นพ่อแม่ยังอยู่เราต้องดูแล ลูกยังเล็กถ้าตายไปจริงๆ เราจะเป็นผีแม่ลูกอ่อนมาเลี้ยงลูกเราไหม หรือเราตั้งจิตเราจะปล่อยวางไปพระนิพพาน

เรากำหนดพิจารณาดูว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อพระนิพพาน จุดสูงสุดก็คือฝึกการปล่อยวาง เหตุผลที่เราปล่อยวางกันตั้งแต่ต้น เริ่มต้นก็ผ่อนคลายปล่อยวางตัดกายทิ้งกาย เพื่อให้เราชินมีความคล่องตัวปล่อยวางได้ก่อนเลย ถึงเวลาเราปล่อยวางก่อนมันก็เบา สมาธิเราก็ทำได้ ความห่วงความเร่าร้อน ความวุ่นวายมันก็ดับ ไฟของโทสะ โมหะ โลภะ มันก็ดับ จิตมันก็สงบเย็นได้เร็ว

ตอนนี้เราพิจารณาดูแต่ละบุคคลว่า ถ้าเป็นเราเองเราจะปล่อยวางได้ไหม เราจะไปพระนิพพานเลยไหม เพราะถึงเวลาแล้วสุดท้ายสัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม เราช่วยได้เฉพาะในยามที่เรามีชีวิต ไปพระนิพพานเราก็ช่วยได้สงเคราะห์ได้ในภาคของความเป็นทิพย์

ดังนั้นความห่วงทั้งหลายว่าเราจะคิดมาช่วยด้วยการกลับมาเกิดอีก สำหรับผู้ปฏิบัติเพื่อพระนิพพานแล้ว ตรงนี้ก็ถือว่าเราต้องวาง เราต้องละ เราต้องดับ ดับจนสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษแห่งการปรารถนาในการเกิด ห่วงคือเครื่องร้อยรัดจิตเราไว้ในสังสารวัฏ บุคคลทั้งหลายจะเป็นที่รักก็เป็นห่วงดึงเราไว้ในสังสารวัฏ คนที่เราเกลียดอาฆาตแค้นจองเวรพยาบาทก็เป็นห่วงรัดเราไว้กับสังสารวัฏ ทั้งรักทั้งเกลียดล้วนแล้วแต่เป็นห่วงของสังสารวัฏ พ้นจากรักพ้นจากเกลียด ปล่อยวางพาจิตเข้าสู่วิมุตติคือ มรรคผลพระนิพพาน

กำหนดจิตปล่อยวางห่วงทั้งหลาย ตัดห่วงที่ยากที่สุด ซักซ้อมดูใจ ทดสอบกำลังใจของตน ในการตัดห่วงตัดอาลัยทั้งปวง

เมื่อใจของเราตัดห่วงตัดอาลัย จิตมั่นคงแนบอยู่กับพระนิพพานแล้ว เราก็น้อมขอพุทธานุญาต ขออนุญาตครูบาอาจารย์ ที่ท่านเป็นพระอรหันต์ขีณาสพอยู่บนพระนิพพานนี้แล้ว ว่าท่านทุกๆพระองค์ก็ต้องตัดห่วงเหล่านี้เช่นกันใช่หรือไม่ ขอน้อมให้สัมผัสรู้ เห็นอาการ เห็นสภาวะ เห็นภาพนิมิต สัมผัสอารมณ์จิตในขณะท่านแต่ละองค์ ที่ท่านตัดจิตตัดใจของท่านจากห่วงใหญ่ จากสิ่งที่ท่านรัก จากคู่บุพเพสันนิวาสที่ท่านได้พบเจอในชาติที่ท่านปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงอรหัตผล หรืออารมณ์ใจที่พระพุทธองค์ท่านทรงตัดพระราชทรัพย์ความเป็นกษัตริย์ ตัดความรักในพระมเหสี ตัดความรักในบุตรคือพระราหู ตัดอาลัยทั้งปวงเพื่อพระโพธิญาณ เราก็น้อมนำอารมณ์ใจนี้มาเป็นกำลังให้จิตเรามีกำลังในการตัด ในการละวาง เพื่อจิตอันสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษแห่งการเกิดในสังสารวัฏนี้ต่อไป

เมื่อวางแล้วตัดแล้ว ใจเรายิ่งพ้นยิ่งสว่างยิ่งเบาขึ้น จิตยิ่งแนบสู่อารมณ์แห่งโลกุตรธรรมที่ละเอียดขึ้นสูงขึ้น กายพระวิสุทธิเทพยิ่งสว่างขึ้นใสขึ้น กำหนดน้อมอธิษฐานจิต ขอให้ในยามที่ข้าพเจ้าละดับขัน์จากอัตภาพสังขารร่างกายชีวิตนี้ จิตข้าพเจ้าสามารถปล่อยวาง ตัดอาลัย ตัดห่วงทั้งปวงได้อย่างง่ายดายเบา ปล่อยวางได้อย่างสบายเรียบง่าย ไร้ห่วงไร้อาลัยทั้งหลาย จิตเข้าถึงวิมุติเข้าถึงพระนิพพาน

เมื่ออารมณ์จิตเราละเอียดปราณีตดีแล้ว จิตผ่องใสดีแล้ว เราก็น้อมจิตน้อมกำลังพระกรรมฐานนี้ ตั้งจิตว่าเราปฏิบัติเป็นพุทธบูชา ปฏิบัติเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ปฏิบัติเพื่อความดับสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษแห่งการเกิด การปฏิบัติขอน้อมกระแสกำลังแห่งพระกรรมฐาน นอกเหนือจากประโยชน์ตน คือนำพาจิตเข้าสู่มรรคผล เราน้อมกำลังพระกรรมฐานมายังประโยชน์ต่อมวลสรรพสัตว์ มายังประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ตั้งจิตอธิษฐานอาราธนากระแสแห่งพระนิพพาน แผ่เมตตาเป็นกระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน ลงไปยังบรรดาสรรพสัตว์ในสังสารวัฏ สรรพดวงจิตในสังสารวัฏ นับตั้งแต่พรหม อรูปพรหมทั้งสี่ แผ่เมตตาสว่าง พรหมโลกทั้ง 16 ชั้น แผ่เมตตาสว่าง อากาศเทวดาสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น แผ่เมตตาสว่าง รุกขเทวดาภูมิเทวดาทั่วโลกทั่วอนันตจักรวาลแผ่เมตตาสว่างถึงทุกท่าน แผ่เมตตาให้กับมนุษย์และสัตว์ที่มีขันธ์ห้ากายเนื้อทั้งโลกและทุกดวงดาวทั่วอนันตจักรวาล แผ่เมตตาน้อมกระแสพระนิพพานลงมายังดวงจิตโอปปาติกะสัมภเวสี ดวงจิตดวงวิญญาณเร่ร่อน ภพภูมิที่ทับซ้อนมิติที่ทับซ้อน เมืองบังบดลับแลทั้งหลาย แผ่เมตตาต่อไปยังจิตของเปรตอสุรกายทั้งปวง แผ่เมตตาต่อไปยังบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เสวยวิบากกรรมในนรกภูมิทุกขุม

จากนั้นน้อมจิต น้อมกระแสแห่งพระนิพพานเป็นกระแสบุญลงมาคุ้มครองโลกให้เกิดความสันติสุขร่มเย็น เกิดการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนเข้าสู่ยุคชาววิไล ขอธรรมะจงชนะอธรรมทั้งปวง ขอความจริงทั้งหลายจงเปิดเผยขึ้น สิ่งที่บิดเบือนจากถูกเป็นผิด ปิดเบือนผิดให้กลายเป็นสิ่งที่ถูก กระแสที่บิดเบือนนำพาผู้คนให้เป็นอกุศล ขอกระแสทั้งหลายเหล่านี้สลายตัว ขอบุคคลที่ทำหน้าที่ในการเปิดเผยความจริงในทุกด้านทุกมิติ บุคคลที่ทำหน้าที่อยู่ในฝ่ายล้างอกุศลทั้งหลายเพื่อเข้าสู่ยุคชาววิไล ขอบุคคลทั้งหลายจงมีกำลังแห่งกุศล กำลังแห่งธรรม ขอจงชนะอธรรมทั้งปวง

จากนั้นกำหนดจิตขอกระแสบุญจากพระนิพพานลงมาคลุมประเทศไทย ขอให้ปราศจากภยันอันตรายศึกที่มาประชิดโดยรอบประเทศ ขอบุคคลที่ไม่ปรารถนาหวังดีต่อประเทศชาติ ขอจงแพ้ภัยตนเองไปด้วยกฎของกรรมเป็นไปด้วยวาระของกรรมของตน

ขอน้อมจิตสาธุชนทั้งหลายบุคคลทั้งหลาย ที่มีจิตบริสุทธิ์ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองส่วนรวมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ขอจงมีกำลังแห่งบุญกุศล พิทักษ์คุ้มครองรักษาให้มีบุญมีบารมีมีเทวดาพรหมคุ้มครองปลอดภัยจากภัยทั้งปวง

น้อมกระแสจากพระนิพพานลงมาคลุมเขตพุทธาวาสทั้งหลาย พระพุทธศาสนาขอจงปรากฏความบริสุทธิ์ ขอจงเกิดความสามัคคีธรรมในคณะหมู่สงฆ์ในทุกนิกาย ขอกระแสดวงจิตเจตนาดีของสาธุชนทั้งหลายที่ได้ทำพิธี เช่นสร้างพระพุทธรูปเป็นหมุดตรึงให้เกิดความปลอดภัยสวัสดีมงคล สร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขอกำลังพุทธานุภาพแห่งเจตนารมณ์นั้นจงสำเร็จ ครูบาอาจารย์ที่ท่านอธิษฐานจิตบรรจุองค์พระไว้ในผืนแผ่นดินใต้โบสถ์ทุกวัดทั่วประเทศ ท่านที่ทำพิธีไว้และมีเหตุให้ได้รู้ได้เห็นได้ทราบก็ขอว่าเราได้เจริญพระกรรมฐาน ได้สื่อตรงถึงพระพุทธองค์บนพระนิพพาน ก็ขออาราธนากำลังพุทธานุภาพมาสถิตรักษาอยู่กับทุกงานที่บุคคลทั้งหลายได้มีจิตเจตนาดีในการที่จะสร้างเครือข่ายแห่งบุญกุศล กำลังแห่งบุญมาคุ้มครองประเทศชาติบ้านเมืองศาสนา ขอจงเกิดกำลังพุทธานุภาพมาสถิตรักษาทุกจุดทุกเขตเต็มกำลังด้วยเถิด

อาราธนากระแสแห่งพระนิพพานพุทธานุภาพลงมายังวัดวาอารามทุกแห่ง สถานปฏิบัติธรรมทุกแห่ง ขอกระแสธรรมอันเป็นสัมมาทิฐิจงปรากฏ อกุศลจิตทั้งหลายจงสลายตัว ขอกระแสแห่งกุศล กระแสแห่งสัมมาทิฐิจงหลั่งไหลดลจิตดลใจพุทธบริษัทสี่ทั้งหลายให้อยู่ในความดีอยู่ในอรรถอยู่ในธรรมอยู่ในกุศลอยู่ในเขตของสัมมาทิฐิด้วยเถิด

ขอกระแสมรรคผลพระนิพพาน กระแสธรรมที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นจงดลจิตดลใจ ธรรมจงเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ดินแดนสุวรรณภูมิ ขอกำลังพุทธานุภาพมาสถิตในพระพุทธรูปทุกพระองค์ พระเจดีย์พระมหาธาตุเจดีย์วัตถุมงคลทั้งหลาย ตะกรุดผ้ายันต์ผ้าประเจียดรูปลักษณ์ของพระพุทธองค์ พระพุทธรูป รูปลักษณ์ของครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสุปฏิปันโนพระอริยสงฆ์พระโพธิสัตว์ ขอจงปรากฏความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ น้อมกระแสบุญกุศลจากพระนิพพานลงมาพิทักษ์รักษาองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนสาธุชนคนดีที่ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจ ขอจงปรากฏกำลังบุญ เทพพรหมเทวาพิทักษ์รักษาอภิบาลเต็มกำลัง ขอกระแสบุญกุศลการเจริญพระกรรมฐาน ทาน ศีล ภาวนา ขอน้อมถวายแด่ดวงพระวิญญาณของบูรพมหากษัตราธิราชผู้พิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินนี้ สถาบันพระมหากษัตริย์นี้

กำลังบุญขอน้อมถึงพระสยามเทวาธิราชทุกๆพระองค์ เทวดาพรหมที่พิทักษ์รักษาพระเศวตฉัตร พระราชบัลลังก์ พระตำหนักพระบรมมหาราชวัง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เทพพรหมเทวดาทั้งหลาย ขอจงมีกำลังแห่งบุญกุศลเต็มเปี่ยมด้วยเถิด มีอำนาจเหนือวิบากเหนือกรรมเหนืออกุศลจิตของบุคคลที่คิดร้ายทั้งปวงทั้งภายในและภายนอกประเทศ

จากนั้นน้อมกระแสรวมเป็นกระแสบุญลงมาเห็นเป็นลำแสงสว่างลงมายังโลกมนุษย์สว่าง น้อมลงมายังกายเนื้อบนโลกมนุษย์ของเรา ครอบครัว บ้านเรือนเคหะสถาน สถานที่ทำงานกิจการของเรา มีกำลังบุญคุ้มครอง อธิษฐานให้เห็นบ้านเรามีเกราะแก้วคลุม พ้นจากภัยศึกสงครามโลกระบาดโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย

ตั้งใจว่ากำลังกรรมฐานกำลังบุญ เราได้น้อมเป็นกำลังแห่งแผ่นดิน กำลังแห่งพระพุทธศาสนา กำลังส่งเสริมหนุนนำสถาบันพระมหากษัตริย์ จิตเราได้เดินตามรอยครูบาอาจารย์ คือรักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ เราก็ทำ น้อมนำด้วยกำลัง ทำงานด้วยภาคทิพย์ กายทิพย์ภาคทิพย์เรา

เมื่อเราน้อมจิตเป็นกุศลแล้ว จิตมีความยินดีในการปฏิบัติในการแผ่เมตตาในการตั้งกำลังใจเพื่อส่วนรวม เราก็น้อมจิตกราบลาพระพุทธองค์ กราบลาทุกท่านบนพระนิพพาน กราบลาด้วยความเคารพนอบน้อม

เมื่อกราบลาแล้วก็น้อมจิตพุ่งอาทิสมานกายเป็นลำแสงกลับมาบนโลกมนุษย์ พร้อมกับน้อมนำอธิษฐาน ขอกระแสธาตุธรรม กระแสจากพระนิพพาน มาชำระล้างฟอกธาตุขันธ์ของเราจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง สะอาดเป็นแก้วใส โครงกระดูกหลอดเลือดเส้นเอ็นสะอาดเป็นแก้วใส อวัยวะอาการ 32 เซลล์ทุกเซลล์ กล้ามเนื้อทุกส่วนทั่วร่างกายกลายเป็นแก้วใส กระแสแห่งพระนิพพานชำระล้างฟอกธาตุขันธ์ในขณะที่มาอยู่กับกายเนื้อกลายเป็นแก้วใสสว่าง

จากนั้นกำหนด ตรงนี้เป็นความรู้เพิ่มที่พระอาจารย์ท่านเมตตาสอน คนปกติจะรู้ตัวไม่รู้ตัว จิตหรือกายทิพย์อยู่ในกายเนื้อ ตอนนี้ให้เราขยายกายทิพย์ของเราให้ออกมาคลุมกายเนื้อ คือมีขนาดใหญ่กว่ามาคลุมกายเนื้อ กำหนดจิตอธิษฐานว่านับแต่นี้ภาคกายทิพย์ของข้าพเจ้ามีกำลัง ภาคกายทิพย์ของข้าพเจ้ามีกำลัง มีกำลังควบคุมมีพลังอยู่เหนือกายเนื้อ กายเนื้อไม่อาจเป็นเกาะเครื่องกั้นขัดขวางพลังความเป็นทิพย์ของจิตข้าพเจ้า กายทิพย์คลุมกายเนื้อ กายแก้วครอบคลุมเป็นกายแก้วใสคลุมกายเนื้อไว้ ขีดจำกัดของกายเนื้อไม่อาจเป็นเครื่องกั้นขัดขวางพลังของกายทิพย์ กายทิพย์มีกำลังตบะเดชะจิตตานุภาพอยู่เหนือกายเนื้ออย่างสมบูรณ์ คราวนี้เราในขณะที่ตอนนี้อยู่บนโลกมนุษย์แล้ว แผ่กระแสความสว่างของกายทิพย์เรา กายทิพย์ที่คลุมกายเนื้ออยู่เปล่งประกายสว่าง ทำได้มาก ทำได้สว่าง ทำได้ดีกว่าเดิมไหม

จากนั้นเราก็น้อมจิตอนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรที่ปฏิบัติธรรมด้วยกันในกลุ่มเมตตาสมาธิ ทั้งที่ปฏิบัติในขณะนี้และที่มาฟังในภายหลัง ขอให้เข้าถึงบุญกุศล แล้วก็ตั้งใจว่าวันนี้ที่ถวายมหาสังฆทาน 21 ชุดก็เป็นบุญใหญ่ ก็ขอให้เกิดความเป็นทิพย์ เปิดสายบุญสายสมบัติ ชาตินี้ก็ขอให้มีแต่ความคล่องตัวร่ำรวย รวยชาตินี้ นิพพานชาตินี้ และมหาสังฆทานเป็นทานบารมี เป็นมหาทานบารมี ที่เป็นไปเพื่อพระนิพพานเป็นที่สุด

วันนี้ก็มีเรื่องที่จะประชาสัมพันธ์หลายเรื่อง

เรื่องแรกก็คืองานเมตตาสมาธิในวันที่ 16 มีนาคมที่กำลังจะถึงสำหรับใครที่ลงทะเบียนไม่ทันจริงๆแล้วก็ตั้งใจจะปฏิบัติก็สามารถที่จะ walk in เข้าไปได้ รับได้อีกจำนวนไม่มากเพราะว่าตอนนี้ก็เต็มจริงๆเปิดรับ 100 ท่านตอนนี้ก็เต็มไปภายในวันเดียว 130 ท่านแล้ว ก็เผื่อสำรองไว้สำหรับบางท่านที่ติดมาไม่ได้คนที่ลงทะเบียนไม่ทันจริงๆก็ยังพอว่างเข้าไปได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ปฏิบัติประจำอันนี้ก็แจ้งให้ทราบเรื่องที่ 1

เรื่องที่สองก็คือการดำเนินการการจัดสร้างพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพานตอนนี้ก็ได้ประสานงานติดต่อมีความก้าวหน้า กำหนดคร่าวๆในการจัดหล่อองค์พระ ก็มีวันกำหนดคร่าวๆแล้ว ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกทีหลังจากที่ประมาณช่วงอีก 2 สัปดาห์จะเดินทางไปวางมัดจำ

สำหรับช่วงนี้ในการประชาสัมพันธ์ก็คือ 1 สำหรับคนที่ได้รับแผ่นทองเขียนคำอธิษฐานจิตเพื่อพระนิพพานชาตินี้ ได้รับไปแล้วก็พยายามรวบรวมจัดส่งกลับมาให้มากที่สุด รวมไปถึงคนที่เอาไปแจกคนอื่นก็พยายามติดตามรวบรวมกลับมาได้แล้ว

ส่วนต่อมาก็คือคนไหนที่มีจิตศรัทธา มีโอกาสมีวาระที่พบปะได้กราบครูบาอาจารย์ ถ้าเป็นไปได้ก็ขอเมตตาครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ช่วยการช่วยอธิษฐาน ซึ่งอย่างวันนี้ท่านเจ้าอาวาส วัดท่าซุงท่านก็เมตตาจารคำอธิษฐานให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน อันนี้ใครมีโอกาสก็สามารถนำแผ่นทอง ขอครูบาอาจารย์ท่านจาร แล้วถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยถ่ายรูปเพื่อทำโปรไฟล์รวบรวมไว้ ซึ่งตอนนี้คร่าวคร่าวๆที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านจารไปแล้วก็คือ ตุ๊พ่อมหาสิงห์ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง พระครูปลัดนิพพานวัดเขาวง องค์อื่นก็อาจารย์อาจจะจำได้ไม่หมด ครูบาหลวงปู่ต้นบุญ ตัวพระอาจารย์หนุนเององค์อื่นก็อาจจะยังรวบรวมยังโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายครูบาอาจารย์สายหลวงพ่อฤาษีก็อาจจะยังรวบรวมได้ไม่ครบ เช่นท่านเจ้าอาวาสวัดวีระโชติ หลวงตาชะลอ หลวงตาวัชรชัย หลวงพี่เล็กวัดท่าขนุน อันนี้ก็ยังหาจังหวะที่จะขอเมตตาท่านช่วยอธิษฐานจิตไม่ได้ อันนี้ถ้าใครมีจังหวะสามารถดำเนินการได้ หรือจะเป็นครูบาอาจารย์สายกรรมฐานรูปอื่นก็ยินดี ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยกัน เพราะว่าการสร้างพระองค์นี้ถือว่าเป็นพระกำลังกำลังแผ่นดิน เป็นกำลังพระพุทธศาสนา เป็นองค์พระที่เมื่อสร้างแล้วจะเป็นกำลังบุญสำคัญจุดหนึ่งที่ช่วยนำพาให้เข้าสู่ยุคชาววิไล

ดังนั้นก็ใครที่มีโอกาสได้ร่วมสร้างก็ถือว่ามีบุญมีกุศลที่ไม่ธรรมดาไม่ใช่คนทั่วไปจะมีโอกาส ถือว่าเป็นบุญที่ค่อนข้างจะเฉพาะเจาะจงและพิเศษ แล้วก็ต่อมาก็คืองานวันที่ 16 ก็จะเริ่มประกาศรับร่วมบุญอย่างเป็นทางการซึ่งตอนนี้ก็เปิดบัญชีตรงเฉพาะในการร่วมบริจาคเรียบร้อยแล้วเพิ่งไปดำเนินการ ตอนนี้ก็งานการสร้างพระก็ถือว่ามีความคืบหน้าค่อนข้างมากครับ อันนี้ก็จบอีกเรื่องหนึ่ง

ส่วนเรื่องสุดท้ายก็เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่อาจารย์ขออนุญาตบอกกล่าวเตือนเราว่า ในเวลาอันใกล้นี้น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของโลกของประเทศแล้วก็ประเทศต่างๆทั่วโลกในหลายๆเรื่อง หลายๆสิ่งมันจะมีการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดิน ถ้าใครเคยอ่านหรือเคยฟังคำทำนายว่าโลกมันจะพลิกขั้ว ภาษาอังกฤษเรียกว่า โพชิป[poleship]ขั้วโลกมันพลิก อันนี้มันอาจจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่ขั้วโลกมันพลิกจริงๆจากเหนือเป็นใต้ จากใต้เป็นเหนือ มันเป็นเรื่องที่จากคนที่เราคิดว่าดีกลายเป็นร้าย จากคนที่เขาเราคิดว่าเขาไม่ใช่กลายเป็นใช่ แล้วก็เหตุการณ์ต่างๆในโลกจะถูกเปิดเผยขึ้น

ดังนั้นเรากำหนดรู้ก่อนแล้วก็ไม่ต้องตกใจกับมัน กำหนดรู้อุเบกขา รู้ว่าทุกสรรพสิ่ง ทุกเหตุการณ์มันมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องตกใจจนเกินไป สงครามที่เกิดขึ้นหรือคิดว่ามันจะเกิดขึ้น มันอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือขยับหรือพลิกกลายเป็น เป็นเหตุการณ์อื่นแทน อันนี้ก็บอกได้แค่ประมาณนี้ ไม่อาจจะเจาะลึกลงไปได้กว่านี้ เพราะให้มันเกิดขึ้นไปตามนั้น แล้วเราค่อยรู้กันทีหลัง แต่ก็ให้รู้ว่าเตือนแล้ว แล้วก็เรื่องสุขภาพร่างกาย พยายามที่จะฟอกธาตุขันธ์กันให้ได้ทุกวัน ใครที่ฉีดวัคซีนไว้ก็พยายามไปล้างพิษ เพราะตอนนี้ก็เปิดเผยแล้ว อาจารย์ก็เคยเตือนแล้วว่าอย่าฉีด แต่ก็มันเป็นกระแสของโลกสังคมซึ่งค่อนข้างเข้มข้นมากจนหาคนที่จะหลีกเลี่ยงไม่ฉีดได้ยาก แต่ก็มีคนที่รู้เหตุการณ์รู้ล่วงหน้า เขาก็จะไม่ค่อยฉีดกัน ถ้าเป็นไปได้ก็หาหนทางล้างพิษ สมุนไพร รางจืด หรือว่าใช้อย่างอื่น เรื่องนี้มันไม่ยากหรอก search ดูก็มีข้อมูลมีวิธีการค่อนข้างเยอะ พยายามรีบล้างได้แล้วเพราะว่ามันอยู่ในเกณฑ์ช่วงนี้แล้ว อย่างที่บอกไว้ว่าช่วง ช่วงที่เกิดขึ้นให้มันจะทดแทนสงครามคนดีและคนชั่วโดนล้างไปเหมือนกันหมด พอผ่านเฟสนี้ไปก็จะเป็นเฟสที่เขาเก็บกวาดล้างคนชั่วล้วนๆ ที่เหลือถึงเป็นคนที่ถูกคัดกรองแล้วเข้าสู่ยุคชาววิไล เราก็รู้ฟังเป็นนิทาน แต่หลายเรื่องก็เตรียมตัวไว้เตรียมใจไว้ อันนี้สำคัญที่อื่นอาจจะไม่ได้เตือนแต่เหตุการณ์เวลาจะเกิดขึ้นในเดือนนี้เดือนหน้าให้พอเห็น

อย่างตอนนี้เราก็อาจจะเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าความวุ่นวายในประเทศชาติเรามันก็ค่อนข้างมาก ศึกสงครามก็มาประชิด  เพื่อนบ้านชายแดนสามประเทศก็มีปัญหาทั้งหมด ภายในประเทศก็มีปัญหา อุเบกขาอย่างไร เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่จะเตือนเพียงเท่านี้

ดังนั้นสำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน อย่าไปทุกข์ อย่าไปกังวล โลกก็เป็นเช่นนี้

ความเปลี่ยนแปลงในโลก ความไม่เที่ยงในโลก ก็เป็นเช่นนี้

วันนี้ก็ขอโมทนาบุญ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สัปดาห์นี้สวัสดี

ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย : คุณวิลาวัลย์ วลีเดช

You cannot copy content of this page