green and brown plant on water

วิธีปรับกำลังใจจากมโนมยิทธิครึ่งกำลังเป็นเต็มกำลัง

เวลาอ่าน : < 1 นาที

เสียงธรรมจากห้อง เมตตาภิรมย์กรรมฐาน

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567

เรื่อง วิธีปรับกำลังใจจากมโนมยิทธิครึ่งกำลังเป็นเต็มกำลัง

โดย อาจารย์คณานันท์ ทวีโภค

กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายร่างกายกล้ามเนื้อทุกส่วน พร้อมกับความรู้สึกปลดความเกาะในร่างกายขันธ์ 5 ออกไปจากนั้นกำหนดความคิดว่า เราปล่อยวางจากความกังวลทั้งหลาย ความห่วงทั้งหลาย ความวิตกกังวลทั้งหลาย ภาระความห่วง ความอาลัยของจิตใจ เราปลดปล่อยออกไป ทั้งห่วงทางร่างกาย ทั้งห่วงทางจิตใจ เมื่อปล่อยวาง ยิ่งวาง ยิ่งเบา เบาทั้งกาย เบาทั้งจิตใจ 

เมื่อจิตของเราปล่อยวาง ยิ่งว่าง ยิ่งสงบเบา จากนั้นจึงกำหนดจินตภาพความรู้สึก น้อมนึกเห็นภาพลมหายใจเราเป็นเหมือนกับ แพรวไหม พลิ้วผ่านเข้าออกในกาย ลมหายใจเข้าออกละเอียดระยิบระยับ สติกำหนดรู้ ติดตามดูติดตามในลมหายใจ ใจของเราสบาย ลมหายใจยิ่งละเอียด จิตเรายิ่งสงบเบา เมื่อลมหายใจของเราละเอียดแล้ว เบาแล้ว เรากำหนดรู้ว่าลมหายใจที่ละเอียดเบานี้ เป็นตัวสงบระงับความฟุ้งซ่านความกังวลและนิวรณ์ทั้งหลาย สติจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจลมหายใจสงบระงับละเอียดเบา ทรงอารมณ์ในอานาปานสติ สงบจนจิตรวมตัว ทรงสภาวะแห่งความสงบ ความเบา 

กำหนดรู้ว่าการทรงในสภาวะแห่งความสงบในอานาปานสติ เป็นไปเพื่อให้จิตของเราเกิดความเสถียร มีความราบเรียบสงบในอารมณ์แห่งพระกรรมฐาน เพื่อให้เกิดความเคยชิน ฌานคือการชินอยู่ในอารมณ์ของกรรมฐานกองนั้นๆ ยิ่งชินมากเท่าไหร่ความคล่องตัวก็ยิ่งปรากฏขึ้น เป็นวสีความชำนาญในการทรงอารมณ์ของแต่ละบุคคล 

กำหนดทรงอารมณ์แห่งความสงบ ลมหายใจละเอียด จิตสงบระงับ จิตสะอาดจากนิวรณ์ทั้ง 5ประการ เมื่อจิตสงบลงตัวดีแล้ว เราก็รวมจิตให้เข้าถึงฌาน 4 ในอานาปานสติ กำหนดหยุดจิต นิ่งหยุด จนลมหายใจสงบระงับหยุดนิ่งหยุดการปรุงแต่ง จิตเข้าถึงเอกัคคตารมณ์คือสภาวะที่จิตรวมเป็นหนึ่ง นิ่งหยุด และสภาวะที่เป็นอุเบกขารมณ์ คืออารมณ์จิตของเราอุเบกขาจากสิ่งที่มากระทบทางอายตนะทั้ง 5 อุเบกขาต่อสภาวะที่เกิดขึ้นกับกายที่เรียกว่าสังขารุเปกขาญาณ นิ่งหยุดสงบ หยุดจากกิเลสทั้งหลาย สงบระงับจากนิวรณ์ 5 ประการ จากนั้นจุดที่หยุด กำหนดน้อมนึกให้ปรากฏเป็นภาพ จากจุดขยายเป็นวง เกิดความชัดเจนรูปทรงขึ้นเป็นดวงแก้วสว่าง เป็นดวงแก้วที่ปรากฏเป็นภาพ 3 มิติ ดวงแก้วค่อยๆใสขึ้น สว่างขึ้น หัวใจของการฝึกในส่วนของสมถกรรมฐาน เราฝึกในการเดินจิตจากสมถะในอานาปานสติขึ้นมาสู่ฌาน 4 ในกสิณ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เกิดอภิญญาจิตจิตตานุภาพที่มีกำลังสูงขึ้น จากอานาปานสติขึ้นมา 

หลักของกสิณก็คือการทำสมาธิ โดยให้จิตของเราจดจ่ออยู่กับภาพของนิมิต เมื่อปรากฏภาพของนิมิตเราเริ่มจากง่ายที่สุด ขึ้นจากอานาปานสติที่เห็นตัวหยุดหยุดเป็นเพียงแค่จุด 1 จุด จากจุดหนึ่งจุด ค่อยๆก่อรูปขยายขึ้น กลายเป็นวงกลม วงกลมนั้นเป็นสภาวะในการกำหนดของภาพ 2มิติคือแบนๆรับกล้าซึ่งปกติของดั้งเดิมของการฝึกกสิณถ้าจ้างเดิมสำหรับคนที่ไม่เคยฝึกมาก่อนท่านก็ให้ฝึกเป็น 2 มิติคือภาพเรียบๆแบนๆเป็นภาพวง แต่ถึงเวลาของการฝึกในระดับอภิญญา จากภาพ 2 มิติก็ต้องปรากฏเป็นภาพ 3 มิติ ภาพ 3 มิติจากวงกลมก็เปลี่ยนเป็นทรงกลมหรือเป็นลูกแก้ว ลูกแก้วเรากำหนดตอนนี้ให้เรากำหนดเป็นดวงแก้วสว่าง 

คราวนี้ทักษะ ศักยภาพ ผลของการฝึกก็คือ จิตเราสามารถปรับสภาวะของภาพ คือกำหนดนึกให้ภาพมันเปลี่ยนไปตามที่จิตเรานึก จากดวงแก้วใส ให้สว่างขึ้น นึกภาพเหมือนกับหลอดไฟที่สว่างจากการที่ใช้ดิมเมอร์ในการเร่งแสงให้สว่างขึ้น เจิดจ้าขึ้น ภาพของดวงแก้วคือกสิณก็ใสขึ้น จากดวงแก้วสว่างสว่างใสเฉยๆ เรียกว่าอุคหนิมิต คราวนี้ก็เปลี่ยนใช้จิตใช้การกำหนด ใช้การนึกเปลี่ยนภาพจากดวงแก้วใส เกิดสภาวะระยิบระยับชัดเจนเจิดจ้าเป็นเพชร เป็นเพชรที่เป็นแหล่งกำเนิดแสงจากตัวเอง การกำเนิดแสงก็เป็นเพชรประกายพฤกษ์สว่างมีรัศมี มีแสงสีทั้ง 7 เปล่งประกายออกมาจากดวงกสิณ คราวนี้เคล็ดลับของการฝึกกสิณเพิ่มเติมก็คือภาพนิมิตสัมพันธ์กับจิตใจของเราสัมพันธ์กับสมาธิ จิตเชื่อมโยงกับภาพกสิณ จิตคือกสิณ กสิณคือดวงจิต จิตเราเป็นเพชรประกายพฤกษ์ จิตเราเข้าถึงฌาน 4 ในกสิณนั่นก็คือปฏิภาคนิมิต ยิ่งสว่าง จิตยิ่งเกิดกำลังของจิตตานุภาพ ยิ่งเกิดสภาวะพลังของความเป็นทิพย์ ยิ่งก่อให้เกิดจิตอันเป็นอภิญญาจิต กำหนดทรงอารมณ์เห็นจิตของเราเป็นปฏิภาคนิมิต เป็นเพชรสว่างเจิดจ้าชัดเจน

เคล็ดลับในการฝึกกสิณก็คือ เราสามารถที่จะย่อเล็กขยายใหญ่ เลื่อน เคลื่อนซ้าย ขวา บน ล่างเคลื่อนตำแหน่งไปได้ดั่งใจนึกทุกอย่าง ขยายกำลังเพิ่มความสว่าง เร่งความสว่าง หรี่ความสว่าง บังคับภาพของกสิณ บังคับพลังของกสิณ นอกเหนือจากแสงสว่างก็กำหนดเป็นคลื่นความร้อนออกมา คุณสมบัติของกสิณธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ สามารถแผ่ลักษณะเฉพาะของกสิณในแต่ละธาตุนั้นออกมาได้ และอารมณ์ของกสิณที่เราทรงนั้น ก็คือยิ่งสว่าง ยิ่งชัด ยิ่งเปี่ยมพลัง ยิ่งสัมผัสได้ถึงจิตที่เป็นสุขอย่างยิ่ง ยิ่งสว่าง ยิ่งเป็นสุข ยิ่งใส ยิ่งเป็นสุข ยิ่งเป็นสุข ยิ่งเกิดคลื่นพลังงานจิตแห่งความเป็นทิพย์เปล่งประกายออกมา แสงสว่างรัศมีของกสิณ บัดนี้จริงๆก็คือเป็นรัศมีจิตของเราในสภาวะของกายทิพย์ ยิ่งแสงสว่างรัศมีจิตสว่างมากเท่าไหร่ จิตเรายิ่งมีกำลังของจิตตานุภาพ ยิ่งมีบุญฤทธิ์และก็อภิญญาฤทธิ์ จากกำลังของกสิณมากเพียงนั้น

จิตของเราตอนนี้อยู่ในสภาวะที่เป็นดวงแก้ว เป็นดวงพลังงานคือแสงสว่างเป็นเพชร มีรัศมีออกไป คราวนี้ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนจากดวงจิตให้กลายเป็นอาทิสมานกาย ถ้ากล่าวถึงเป็นภาษาอังกฤษก็คือรูปกายของอาทิสมานกาย ก็คือ thought form thoughtแปลว่าความคิด form ก็คือรูปแบบ จิตเราเป็นกุศล กายทิพย์อทิสมานกายของเราจากที่เป็นดวงแก้วสว่าง หรือเป็นดวงแก้วเฉยๆ ก็ค่อยๆก่อรูปกลายเป็นกายของเทวดาบ้าง พรหมบ้าง กลายเป็นกายของพระวิสุทธิเทพบ้าง ขึ้นอยู่กับพลังงานคือบุญกุศลของจิตในขณะนั้น จิตทรงอารมณ์ในเมตตาฌาน อาทิสมานกายก็ปรากฏสภาวะของกายพรหม กายเรานึกถึงบุญก็ปรากฏกายของเทวดา หากกายของเราจิตของเรา ขณะนั้นมีสภาวะตัดกิเลส มีความสะอาดของจิต ตัดสรรพกิเลส ตัดกาย ตัดขันธ์ 5ได้เต็มที่ อาทิสมานกายก็ปรากฏสภาวะเป็นกายของพระวิสุทธิเทพ พอจิตเรามีความเข้าใจและมีความชำนาญในเรื่องของกสิณ ในเรื่องของจิต พอสภาวะของจิตเราแปรเป็นกายทิพย์ได้ เมื่อไหร่ที่แปรเปลี่ยนเป็นสภาวะของกายทิพย์ได้ หรือใช้พลังของกายทิพย์ได้ นั่นหมายความว่าเราเข้าถึงอภิญญาใหญ่ คือฉฬภิญโญ อภิญญา 8 เพราะฉฬภิญโญ หรืออภิญญาใหญ่นี้สามารถใช้คือฤทธิ์ คือฤทธิ์ทางใจ มโนมยิทธิอธิบายง่ายๆ ก็คือฤทธิ์ทางใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจเรานึกสิ่งใดสิ่งนั้นก็สำเร็จด้วยอำนาจของมโนมัยฤทธิ์ คือการนึกแล้วกลายเป็นฤทฺธิ์ กลายเป็นอภิญญา การนึกของคนที่มีกิเลสกับคนที่ไม่มีกิเลสมันต่างกัน การนึกของผู้ที่มีจิตสะอาดจากนิวรณ์มีจิตสงบระงับรวมตัวเป็นฌานสมาบัติ แตกต่างจากคนที่จิตฟุ้งซ่าน ดังนั้นแม้ว่าเป็นการนึกเหมือนกัน แต่การนึกของผู้ทรงฌาน การนึกของผู้ที่ทรงอารมณ์จิตในการตัดกิเลส ตัดร่างกาย ก็มีพลังต่างกัน 

พอเราเข้าใจกันกระจ่างตรงจุดนี้ เราก็จะเข้าถึงความเข้าใจในเรื่องของมโนมยิทธิ กำหนดจิตน้อมนึกเห็นจิตเราเป็นเพชรประกายพฤกษ์สว่าง สว่างเจิดจ้าอย่างยิ่ง พอจิตของเราสว่าง อธิษฐานจิต ขอจงปรากฏภาพองค์พระเป็นเพชรระยิบระยับสว่าง ขอให้เห็นกายพระวิสุทธิเทพเป็นเพชรประกายพฤกษ์สว่าง อธิษฐานจิต จิตจากจิตที่เป็นปฏิภาคนิมิตของกสิณ จงเปลี่ยนสภาวะเป็นกายพระวิสุทธิเทพที่เป็นเพชรละเอียดใสระยิบระยับสว่างเจิดจ้าอย่างยิ่ง

กำหนดทรงอารมณ์ ทรงสภาวะความรู้สึก ว่าเราเป็นกายพระวิสุทธิเทพ เป็นเพชรสว่างใสชัดเจน ภาพสภาวะความชัดเจนนั้น ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ ขอให้มีความชัดเจนเป็นกำลังแห่งมโนยิทธิเต็มกําลัง กำหนดสภาวะยกแขนยกมือลูบคลำ กำหนดรู้ว่ากายของเราตอนนี้ทรงสภาวะเป็นอย่างไร สวมชฎาอย่างไร มีเครื่องทรงอย่างไรมีความใสอย่างไรพิจารณาตัดร่างกายขันธ์ 5 ว่าเราไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายไม่ใช่เรา เราคืออทิสมานกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเราปฏิบัติเพื่อพระนิพพานเป็นที่สุด เรามีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ พระสุปฏิปันโน พระโพธิสัตว์เจ้า กายทิพย์เราขณะนี้ทรงสภาวะเป็นกายพระวิสุทธิเทพสว่างใส ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ยกจิตอาทิสมานกายของเราขึ้นไปบนพระนิพพาน ขอจงไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐมพร้อมด้วยมหาสมาคม คือพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน

กายของเราสว่างชัดเจนอยู่บนพระนิพพานนั้นแล้ว ตั้งจิตอธิษฐานขอจงปรากฏสภาวะในอตีตังสญาณขอให้เห็นภาพเหตุการณ์ในวันที่มีการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอให้กำหนดเห็นจากบนพระนิพพานในสภาวะความเป็นทิพย์ คือเห็นในส่วนของวิหารอนุสรณ์ 100ปี ที่ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังและเห็นในสภาวะความเป็นทิพย์คือจิตสามารถสัมผัสได้ถึงเทวดาพรหม สัมผัสได้ถึงกระแสแห่งพระนิพพานที่อาราธนา กำหนดน้อมให้เห็นบุคคลที่ฝึกมโนมยิทธิแล้วยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพาน เห็นกายทิพย์พุ่งขึ้นไปบ้างเห็นกายทิพย์ที่ชักกะเย่อ คือขึ้นไม่ขึ้นอยู่ ยังติดอยู่กับกายเนื้อยังไม่หลุดขึ้นไป เรากำหนดเห็นในภาพรวมนั้น 

กำหนดจิตเห็นเทวดาพรหมที่ท่านเมตตามาสงเคราะห์ ย้อนดูภาพเหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่พิธีบวงสรวง พิธีที่เปิดเสียงหลวงพ่อเมตตาในการสวดชุมนุมเทวดาพอสวดสัคเคกาเมปุ๊บ เทวดาพรหมท่านก็ปรากฏชัดเจนสว่างมากันเต็ม เทวดาที่ท่านมาอารักขาในเรื่องความปลอดภัย ท่านก็ร้องอยู่ มีกระแสเป็นแสงสว่างของพระนิพพานคือบารมีของพระพุทธองค์ที่ท่านทรงสงเคราะห์เป็นลำแสง ขาวสว่างส่องตรงในเขตปฏิบัติในเขตที่ฝึกปฏิบัติเป็นบารมีที่ท่านที่พระท่านสงเคราะห์เป็นพิเศษ ในช่วงมโนเต็มกำลัง เราก็พิจารณา จากนั้นยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพานอยู่แล้ว เรามองลงมาดูว่ามีทั้งคนที่ไปได้เต็มกำลังมีทั้งคนที่ไปได้ครึ่งกำลัง และก็มีคนที่ติดกาย ติดอยู่กับสภาวะการสั่นบ้างติดร่างกายบ้าง ติดอยู่กับการเมื่อยการปวดในร่างกายขันธ์ 5 บ้าง เราพิจารณาดูพิจารณาดูว่าอันที่จริงในการฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลัง เรามีครูมีอาจารย์คอยพาคอยแนะนำคอยอธิบาย แต่ถึงเวลาจริงๆเวลาที่เราฝึกมโนมยิทธินั้น เหมือนกับการสอบไล่คือการที่เราจำเป็นที่จะต้องพึ่งตัวเราเองในการตัดร่างกายขันธ์ 5 ในการพิจารณาตัดความเกาะเกี่ยวความยึดในร่างกายกำหนดนึกถึงพระ กำหนดนึกถึงพระนิพพาน

ให้นึกถึงว่าการมาฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังนั้นคือการที่เรามาสอบไล่ ว่าหากถึงเวลาวาระที่เราต้องตายไป เราจะสามารถตัดกิเลสเข้าสู่อรหัตผล เข้าสู่พระนิพพานตอนตายในชาตินี้ได้ไหม ถ้าเราสามารถใช้กำลังของมโนมยิทธิขึ้นไปอยู่กับพระพุทธเจ้า ขึ้นไปกราบพระ ขึ้นไปบนพระนิพพานไปได้เองโดยไม่ต้องมีครูนำไป แต่กำลังใจกำลังเป็นพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ท่านทรงสงเคราะห์เราด้วยอันนี้เราต้องระลึกไว้เสมอ แต่เราขึ้นไปได้โดยไม่ต้องมีคนคอยนำคอยพาไปถ้าตรงนี้เราฝึกยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพานจนมีความชำนาญเชี่ยวชาญคล่องตัวมากเท่าไหร่ ถึงเวลาเราจะตายเราก็เป็นที่เชื่อได้ว่าเราไปพระนิพพานได้แน่นอน และถึงแม้ว่าหากเรามีความเพียรในการยกจิตขึ้นไปกราบพระขึ้นไปอยู่บนพระนิพพานทุกวัน หากถึงเวลาเราต้องตายเราเกิดมีวิบากมีอกุศลมีขันธมารคือความเจ็บปวดในขันธ์ 5 ร่างกายหรือ มีอาการของการป่วยไข้ที่ทำให้อารมณ์จิตเราไม่สามารถทรงอารมณ์ได้แต่ถึงเวลานั้น ถ้าเรามีความเพียรพอ หลวงพ่อท่านสัญญาว่าท่านจะเมตตามารับ มาสงเคราะห์เราแน่นอน อันนี้ท่านบอกไว้ว่าท่านจะพาลูกหลานท่านไปพระนิพพานให้ได้ ก็ให้เราตั้งกำลังใจไว้เสมอว่าการยกจิตการใช้กำลังมโนมยิทธิขึ้นไปบนพระนิพพานนั้น จริงๆเป้าหมายในการปฏิบัติเพื่อมรรคผล ก็คือตรงจุดนี้ คือเพื่อฝึกจิตของเราให้มีความเคยชินกับการยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพาน

พอเข้าใจกับกระจ่างแล้ว อันที่จริงการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังท่านก็บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า พอเริ่มฝึกปุ๊บให้เรายกจิตขึ้นไปจะเต็มกำลังเลยหรือครึ่งกำลังเราขึ้นไปครึ่งกำลังเองก่อนก็ได้ พอครึ่งกำลังเองขึ้นไปอยู่กับพระพุทธองค์บนพระนิพพานได้เราก็ไปตัดขันธ์ 5 เพิ่มพิจารณาตัดต่อร่างกายเพิ่ม หรือแม้กระทั่งเคล็ดลับที่เราฝึกกันคือ การกลั่นกาให้มันใสขึ้น สว่างขึ้น นั่นจริงๆก็คือการใช้เคล็ดลับในการทำให้ครึ่งกำลังค่อยๆกลายเป็นเต็มกำลัง การกลั่นกายให้ใสขึ้นก็มีตั้งแต่การกำหนดเห็นกายสว่างขึ้นใสขึ้นละเอียดขึ้นชัดขึ้นคือปรับความชัดของภาพให้ชัดเจนขึ้นสว่างขึ้นเหลือ หรืออีกเคล็ดลับนึงก็คือการระเบิดกาย การระเบิดกายนี่ถ้าภาษาปฏิบัตินึกว่าเพิกภาพเดิมออก เพิภาพเดิมออก เพิกสภาวะของการพระวิสุทธิเทพเดิมออกแล้วปรากฏเป็นภาพองค์ใหม่ที่สว่างขึ้นใสขึ้นหรือระเบิดกายของเดิมระเบิดแล้วก็ปรากฏเกิดรูปใหม่เป็นกายที่ใสขึ้นสว่างขึ้นอันนี้รวมเรียกว่าการกลั่นกาย กลั่นให้กายนั้นใสขึ้นสว่างขึ้นละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ กำหนดจิตว่ายังใสขึ้นไปได้อีกสว่างขึ้นไปได้อีก ละเอียดขึ้นไปอีก พอจิตเราจดจ่ออยู่กับสภาวะความสว่างความชัดความใสจนกระทั่งละเอียดถึงที่สุด มโนมยิทธิครึ่งกำลังก็กลายเป็นมโนมยิทธิเต็มกำลังเราก็ทรงอารมณ์ไว้เช่นนี้

อย่างที่เราไปฝึกมโนมยิทธิในสัปดาห์ที่ผ่านมาในกลุ่มลูกศิษย์ที่ได้มีโอกาสไปฝึกด้วยกันหรือพบเจอในระหว่างวันงานที่ไปด้วยกันประมาณ 25 คนก็ขึ้นไปได้เต็มกำลังประมาณ 9 ท่านได้ คนที่ได้รับคำแนะนำในระหว่างพบเจอคุยกัน 3 นาที 5 นาทีแนะนำว่าทำแบบนี้แบบนี้ มาเจออีกครั้งก็บอกว่าขึ้นไปเต็มกำลังได้ ดังนั้นอันที่จริงเราจับจุด ถ้าจับจุดได้ การปฏิบัติที่ยากก็ง่ายขึ้น เรากำหนดรู้แล้วตอนนี้เราก็ลองฝึก อธิษฐานจิตเห็นกายของเราตอนนี้สว่างเป็นเพชร ใสขึ้น สว่างขึ้น ใสขึ้นอีก สว่างขึ้นอีก จิตแนบจดจ่ออยู่กับกระแสของพระนิพพาน พระพุทธองค์ทรงเมตตาสงเคราะห์ มีกระแสจากพระนิพพานลงมาสงเคราะห์ในกำลังมโนมยิทธิทฉันใด เราตอนนี้ยกจิตอยู่บนพระนิพพานอยู่เบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐมอยู่เบื้องหน้าพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ กำลังพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพจะมากเพียงใด เรากำหนดอธิษฐานให้กายพระวิสุทธิเทพเราสว่างขึ้นใสขึ้นจนเป็นเต็มกำลัง จิตแนบจดจ่ออยู่กับสภาวะของพระนิพพาน กำหนดทรงสภาวะว่า ขอให้เราอยู่ที่วิมานของตนเอง ทรงสภาวะของกายพระวิสุทธิเทพนั่งห้อยพระบาทอยู่บนแท่นในวิมานตนบนพระนิพพาน เฉกเช่นเมื่อตัวเราแต่ละคนนั้นตายจากร่างกายขันธ์ 5 นี้และเข้าถึงพระนิพพานแล้ว ก็ขอให้เราทรงอารมณ์ประดุจว่าเราตายจากโลกมนุษย์นี้แล้วอยู่บนพระนิพพานฉันนั้น เป็นอารมณ์เดียวกันคืออารมณ์แห่งอรหันตผลบนพระนิพพาน วิมานสว่างขึ้น ยิ่งใสขึ้นจิตยิ่งแนบ จิตยิ่งมีความมั่นคง ความเกาะบนพระนิพพาน 

ทรงอารมณ์ทรงฌานไว้นอารมณ์นี้ กายพระวิสุทธิสุเทพชัดเจนสว่าง ความรู้สึกว่ากายเราคือกายพระวิสุทธิเทพ พระวิสุทธิเทพก็คือกายของเรา ความรู้สึกถึงชฎา เครื่องประดับเครื่องส่งทั้งหลายความรู้สึกตัวทั่วพร้อมในความเป็นกลางเพราะสุเทพปรากฏชัดเจนรู้สึกถึงธำมรงค์พระธำมรงค์คือแหวนที่สวมใส่อยู่ทั้ง 10 นิ้วกำไลข้อมือ อุบะ ทับทรวงมงกุฎหรือแม้แต่ตั้งแต่ศีรษะจรดไปยังปลายเท้าคือปลายเท้าเราคือฉลองพระบาทปลายงอนที่เป็นแก้วสว่าง เนื้อกายของเราใส ทรงสภาวะความรู้สึก ความละเอียดของจิตความสว่างของกายพระวิสุทธิเทพไว้ จิตกำหนดรู้ว่าขณะนี้เราสงบจากความโลภโกรธ หลง สงบจากความห่วง ความเกาะในภพทั้งหลาย ความยินดีความปรารถนาในการเกิดในภพทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ไม่ว่าจะเป็นพรหม ไม่ว่าจะเป็นอรูปพรหม 

จิตเราเป็นหนึ่งเดียวอยู่พระนิพพาน ทรงสภาวะ ทรงอารมณ์อารมณ์พระกรรมฐานจุดนี้เรียกว่า อุปมานุสติกรรมฐานคือจิตเข้าถึงรำลึกนึกถึงทรงสภาวะในอารมณ์แห่งพระนิพพาน อุปมานุสติกรรมฐานเต็มกำลังก็คือการที่เราทรงสภาวะในกายพระวิสุทธิเทพ ความตระหนักรู้ว่าเรากำลังยกจิตอยู่บนพระนิพพาน พร้อมทั้งจิตพิจารณาในวิปัสสนาญาณว่าอารมณ์ที่สงบสงัด อารมณ์ที่ตัดภพจบชาติ อารมณ์ที่ปราศจากกิเลสทั้งปวง อารมณ์ที่เสวยวิมุตติสุขบนพระนิพพานมีเช่นไร ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือการครอบคลุมในจุดเดียวแห่งการปฏิบัติตามหลักสูงสุดของมโนมยิทธิคือทรงอารมณ์อยู่บนพระนิพพาน

กำหนดจิตทรงสภาวะนี้ไว้ให้เป็นวสี ให้เกิดธรรมฉันทะคือความพึงพอใจอยู่กับพระนิพพาน ยิ่งจิตของเราสะอาดตั้งไว้ทรงไว้นานเท่าไหร่ จิตก็ยิ่งห่างหายจากกิเลส จิตก็ยิ่งจางจากความโลภโกรธหลงจิตก็ยิ่งคลายตัวจากการผูกมัดรัดตรึงไว้ด้วยสังโยชน์ทั้งสิบ ทุกอย่างคลายออกไป มีแต่ความสว่างกายพระวิสุทธิเทพ วิมานของเราสว่าง ทรงอารมณ์ไว้

จากนั้นกำหนดจิตอธิษฐานขอให้กายพระวิสุทธิเทพของเราแต่ละคน จงไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าท่านผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่ท่านสงเคราะห์มีเมตตาเจตนาสงเคราะห์เรา บนพระนิพพานจะเป็นสมเด็จองค์ปฐมก็ดีจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็ดี จะเป็นพระอัครสาวก พระอสีติมหาสาวกหรือครูบาอาจารย์ที่เรารักที่เราเคารพ องค์ใดก็ดี ขอให้อาทิสมานกายเราจงปรากฏเบื้องหน้ากราบและสนทนาธรรมจำเพาะเจาะจง ขอให้ท่านเมตตาสอนธรรมะถ่ายทอดทำให้ตรงกับวาระจิต จริตวิสัยวาสนาบารมีของเราแต่ละบุคคลด้วยเทอญ รู้สึกถึงความเป็นอาทิสมานกายพระวิสุทธิเทพอยู่กับท่านนะ กายของเราใสสะอาดยิ่งฟังธรรมพิจารณาน้อมจิตตาม กายยิ่งสว่างยิ่งเบาขึ้น ขอธรรมจงผุดรู้ในจิต พิจารณาตัดกายที่เป็นกายหยาบขันธ์ 5 ให้มากๆยิ่งตัดกายหยาบขันธ์ 5 มากเท่าไหร่ ยิ่งใช้กำลังของมโนมยิทธิหรือกายทิพย์ได้มาก

ตอนนี้ชาตินี้เราอยู่ในสภาวะแห่งความเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์ความมีกายเนื้อเป็นเหตุให้จิตเราเกาะกาย ห่วงร่างกายพิจารณาตัดขันธ์ 5 ร่างกายจนตัดพลังของสัญชาตญาณคือความรู้สึกกลัวตายออกไป ที่เรากลัวตายเพราะมันเป็นสัญชาตญาณ เพราะมันเป็นธรรมชาติที่ว่าธรรมชาติเขามีระบบกลไกที่ทำให้เราต้องเซฟ ต้องรักษาร่างกายนี้ ถ้าเมื่อไหร่การพิจารณาตัดขันธ์ 5 ร่างกายหยาบ เราตัดจนข้ามกำลังของสัญชาตญาณไปได้ จิตเราก็จะหลุดพ้นจากพันธนาการที่ยึดโยงระหว่างกายเนื้อกับกายทิพย์ ความรู้สึกที่มันตัดกายได้อย่างเด็ดขาด ตัดความห่วง ตัดความอาลัยเห็นจริงในความเสื่อมความแปรปรวนความเป็นอสุภะ ความเป็นธาตุ 4ไปจนหมดได้มากเท่าไหร่ ก็เข้าถึงอรหัตผล

เหตุนี้ครูบาอาจารย์ทางสายพระป่า เน้นเรื่องการตัดกายเป็นหลัก ตัดกายให้สุดจนสิ้นภพจบชาติสิ้นการอยากเกิด กำหนดน้อมจิตพิจารณาตัดขันธ์ 5 ร่างกายอยู่บนพระนิพพาน พิจารณาด้วยจิตของเราเอง จะอยู่ในรูปของการพิจารณาในมรณานุสติก็ดีอสุภสัญญาก็ดี พิจารณาในความเป็นธาตุ 4 ดินน้ำลมไฟก็ดี พิจารณาในอาการ 32 พิจารณาตามนิสัยที่ทำให้ใจเราเห็นจริงว่ากายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา พิจารณาจนกระทั่งจิตปล่อยวางจากความห่วงความเกาะในร่างกายของตัวเรา การตัดขันธ์ 5 ร่างกายจุดสำคัญก็คือ พิจารณาจนกระทั่งจิตเราวางกายทิ้งกายทิ้งความยึดมั่นถือมั่นคลายความยึดมั่นถือมั่นจะมากจะน้อยก็ให้มันเบาให้มันคลาย

จากปุถุชนคนทั่วไป พิจารณาแล้วจิตเรายิ่งเบา กายพระวิสุทธิเทพเรายิ่งเบายิ่งคล่องตัว เมื่อเราพิจารณาแล้ว ตัดร่างกายขันธ์ 5 แล้ว พิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว เราก็มากำหนดในความเป็นการพระวิสุทธิเทพสว่าง กำหนดให้กายใสขึ้นสว่างขึ้นไปอีก ใสขึ้นสว่างขึ้น จากนั้นจึงกำหนดจิตกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ไม่ว่าท่านจะเป็นท่านใดที่มาเมตตาสงเคราะห์ หรือบางครั้งเราไม่ทราบไม่รู้ก็ไม่เป็นไร น้อมนำเคารพในธรรมที่ท่านเมตตาส่งผ่านไปยังจิตของเรา

จากนั้นเมื่อกราบแล้วเราอธิษฐานขอบารมีพระขอกระแสแห่งพระนิพพานสงเคราะห์ลงมา ให้จิตอาทิสมานกายของเราแผ่เมตตาจากพระนิพพาน เป็นกระแสเมตตากระแสของความรักความปรารถนาดีกระแสของบุญ แผ่ลงมายังภพภูมิทั้งหลายทั่ว 3 ภพภูมิ อันได้แก่อรูปพรหม พรหมโลก อากาศเทวดา รุกขเทวดา ภูมิเทวดา บรรดามนุษย์และสัตว์ที่มีกายหยาบ ขันธ์ 5 ทั้งหลายทั่วอนันตจักรวาล ดวงจิตดวงวิญญาณโอปปาติกะสัมภเวสีทั้งหลาย เปรต อสุรกายทั้งหลายสัตว์นรกทั้งหลาย ทุกขุม ขอจงประสบแต่ความสุขพ้นจากความทุกข์ ขอกระแสกุศลเจตนาอันดี อันเป็นมงคลของเรากระแสบุญทั้งหลายจงส่งผ่านส่งต่อไปยังทุกดวงจิตขอความสงบเย็นร่มเย็นสันติสุขจงปรากฏ

จากนั้นน้อมกระแสจากพระนิพพานลงมาครอบคลุม คุ้มครองโลกมนุษย์ใบนี้ทั้งหมด ครอบคลุมลงมายังประเทศชาติแผ่นดินไทย ดินแดนสุวรรณภูมิ ขอกระแสบุญจากพระนิพพานชำระล้างให้ดินแดนสุวรรณภูมินี้จงเป็นที่จารึกจงเป็นที่ขึ้นแห่งยุคชาววิไล ความเจริญในพระพุทธศาสนาจงปรากฏ กระแสบุญแห่งพระนิพพานจงหลั่งไหลลงมาครอบคลุมคุ้มครองในเขตแห่งพระบวรพุทธศาสนา ขอกระแสธรรมะที่เป็นกระแสแห่งสัมมาทิฏฐิจงปรากฏชัดแจ้งกระจ่างในดวงจิตของพุทธบริษัท 4 ทั้งหลายกระจ่างแจ้งในมรรคผล กระจ่างแจ้งในพระนิพพาน กระจ่างแจ้งในการปฏิบัติธรรม ขอสังฆเภทความแตกแยกในหมู่ชาวธรรมทั้งหลาย จงสลายตัวไปให้หมด ขอความเป็นหนึ่งเดียวความเข้าใจสามัคคีธรรมจงปรากฏในหมู่สาธุชนทั้งปวง ศาสนาขอจงรวมเป็นหนึ่ง

จากนั้นน้องกระแสบุญจากพระนิพพานลงมาคุ้มครองปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กระแสบุญจงพิทักษ์รักษาพระชนมวารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดรวมจนถึง บุคคลทั้งหลายที่มีความบริสุทธิ์ เจตนาปรารถนาให้แผ่นดิน ให้ส่วนรวมมีความรุ่งเรือง ขอเทวดาพรหมเมตตาสงเคราะห์คุ้มครองด้วยเทอญ 

จากนั้นอธิษฐานจิตน้อมกระแสบุญลงมายังกายทิพย์ลงมาบ้านเรือนเคหะสถานของเราทุกคน ขอบ้านจงร่มเย็นเป็นสุข ขอกระแสบุญจากทาน ศีล ภาวนา การปฏิบัติของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นเกราะแก้ว จงเป็นกำแพงแก้ว จงเป็นดวงแก้วรัตนะอันประเสริฐเป็นแก้ว สารพัดนึกปรากฏต่อจิตของข้าพเจ้าผู้มีความเพียรผู้ปฏิบัติตรง น้อมให้เห็นแสงสว่างส่องตรงลงมายังบ้านเรือนเคหสถาน น้อมให้เห็นกระแสบุญเป็นแสงสว่างลำแสงคลุมกายเนื้อของเรา กระแสพระนิพพานน้อมอาราธนาลงมาคลุมญาติพี่น้องประชาชนบุคคลที่เรารักที่เราห่วง ปิยชน น้อมกระแสลงมาด้วยจิตอันเป็นอุเบกขา ขอจงมีความสุขกายสุขใจขอเป็นผู้ปราศจากเวรภาย ขอเป็นผู้ปราศจากโรคาพยาธิ ขอจงมีความสุขความเจริญมีโชคลาภมีความรุ่งเรือง เมื่อน้อมกระแสแล้วอาราธนาบารมีพระลงมาโปรดเพื่อส่วนรวมแล้วสมควรกับเวลาเราก็กำหนดจิต อาทิสมานกายแยกกราบทุกท่านทุกๆพระองค์พร้อมกันกราบลา ด้วยความนอบน้อมด้วยความเคารพ จากนั้นพุ่งจิตลงมาเป็นแสงสว่างลงมายังกายเนื้อ อาราธนากระแสพระนิพพานลงมา ขอกระแสพระนิพพานชำระล้างฟอกธาตุขันธ์ของข้าพเจ้าจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวงจงสลายตัว ผมขนเล็บฟันหนังจงเป็นแก้วสว่างใส โครงกระดูกหลอดเลือดเส้นเอ็นจนเป็นแก้วสว่างใส เซลล์ทุกเซลล์กล้ามเนื้อทุกมัดจงเป็นแก้วเป็นเพชรสว่างใส อาการทั้ง 32 อวัยวะภายใน ขอกระสแสธาตุธรรม ชำระล้างฟอกโรคาพยาธิ โรคภัยไข้เจ็บ เซลล์ที่ผิดปกติจงสลายตัวไปจงหดตัวไป

จากนั้นอาราธนากระแสแห่งพระนิพพานทานศีลภาวนาจงรวมตัวสายบุญสายทรัพย์สายสมบัติสายบารมีของข้าพเจ้าบุญจงส่งผลทันใจบุญใหญ่ส่งผลก่อน ขอให้ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตขันธ์ 5ในชาติในอัตภาพคือร่างกายนี้ ขอให้มนุษย์สมบัติจงหลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทางรวมตัวกันให้ข้าพเจ้าใช้สร้างบุญสร้างบารมีสร้างทานศีลภาวนาขอความคล่องตัวความรุ่งเรืองความสวัสดีจงมีต่อข้าพเจ้า ขอโมทนาสาธุกับกัลยาณมิตรที่ปฏิบัติธรรมร่วมกัน 72 ท่านและที่มาฟังในภายหลัง

จากนั้นหายใจลึกๆช้าๆ 3 ครั้ง พุทโธ ธัมโม สังโฆ ค่อยๆถอนจิตช้าๆจากสมาธิด้วยจิตอันเป็นสุขที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเสวยธรรมะปิติแห่งการปฏิบัติการเจริญพระกรรมฐานธรรมะปิติซึมซ่าไปทั่วกายเนื้อ แสงสว่างแห่งบุญซึมซาบไปทั่วกายทิพย์ จิตเอิบอิ่มผ่องใส วันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคนพรุ่งนี้ก็จะมีคอร์สเมตตาสมาธิที่สมาคมศิษย์เก่าจุฬาฯถนนพญาไทกรุงเทพฯ ท่านใดที่ได้ลงทะเบียนไว้ก็เดินทางไปตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีตลอดวันนะครับ สำหรับคนไหนที่อยากไปจริงๆหรือว่ามีโอกาสเจอผมและผมชวนในวันที่ฝึกมโนเต็มกำลังมีโอกาสมาได้ก็มา แล้วก็สำหรับพรุ่งนี้ก็แต่งกายตามสบายที่ขยับร่างกายได้และเป็นสีขาวเป็นสีสว่างหน่อย แล้วท่านใดที่เขียนแผ่นทองไว้ก็สามารถนำไปมอบให้ในวันพรุ่งนี้ได้ตอนนี้ก็ขอแจ้งความคืบหน้าในการเขียนแผ่นทองคำอธิษฐานของพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพานว่ายอดตอนนี้ประมาณถึง 90,000 แผ่นเรียบร้อยแล้วก็กำลังรวบรวมอีกช่วงสัปดาห์หน้าก็จะเป็นช่วงที่อาจารย์เดินทางไปกราบเรียนพระอาจารย์หนุน วัดพุทธโมกข์จังหวัดสกลนครเพื่อกราบเรียนความคืบหน้าแล้วก็ปรึกษาในการจัดสร้างอีกทีนึงสำหรับท่านใดอยากร่วมบุญได้ก็แจ้งมาอินบล็อคแล้วแต่ในเรื่องที่จะไปทำบุญทางภาคอีสานตอนบนก็คือสกลนครนครพนม สำหรับวันพรุ่งนี้ได้การฝึกในห้องเมตตาสมาธิวันนี้ก็รวบมาเป็นวันเดียวพรุ่งนี้ก็ขออนุญาตงด เนื่องจากพรุ่งนี้อาจารย์สอนในคอร์สเมตตาสมาธิบำบัดแล้วแล้วก็ ขอประชาสัมพันธ์เพิ่มในเรื่องของใครที่อยากฟังและติดตามในภายหลังหรือไฟล์เสียงอื่นก็สามารถติดตามได้ทางช่องทางของเว็บไซต์เมตตาสมาธิช่อง YouTube เมตตาสมาธิแล้วก็ Channel ของ spotify มีหลายคนที่อยู่ต่างประเทศก็แจ้งมาว่าได้ฟัง spotify

สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคนพรุ่งนี้สำหรับใครที่ลงทะเบียนก็พบกันวันพรุ่งนี้การที่เราฝึกแบบเจอตัวกันพบเจอกันกระแสที่ส่งให้ก็จะมีพลังมากกว่าทางที่ดีที่สุดเป็นไปได้เพราะพยายามฝึกแบบเจอตัวแต่ถ้าเราอยู่ต่างประเทศบ้างอยู่ต่างจังหวัดบ้างห่างไกลบ้างก็พยายามที่จะฝึกผ่านออนไลน์แบบนี้สม่ำเสมอเป็นไปได้ก็ฝึกให้ตรงเวลาเพราะจริงๆทุกครั้งที่สอน ใครที่เข้ามาฝึกอาจารย์ก็จะรับกระแสจิตแล้วก็สอนตรงกับวาระจิตไปมาฟังทีหลังบางครั้งก็อาจจะไม่ตรงสักทีเดียวนะ ถ้าon time คือฟังonline on time คือเวลาที่เราฟังสดไปด้วยกันจิตนึกยังไงจิตติดขัดยังไง ก็สามารถกำหนดไปถึงจิตที่เราติดขัดได้แต่อันนี้ก็อธิบายเล่าให้ฟัง 

สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน สำหรับวันนี้สวัสดี อาจจะเจอกันอีกทีปีหน้าเพราะว่าอาทิตย์ต่อไป อาจารย์ก็เดินทางตลอด ดังนั้นก็ถือโอกาสนี้ขออำนวยอวยพรให้เราทุกคนมีความสุข มีความสวัสดี มีบุญกุศลเป็นเครื่องนำทาง น้อมนำเราข้ามไปยังวันปีใหม่ เริ่มชีวิตใหม่ ปีหน้าน่าจะเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคชาววิไล ขอให้เราทุกคนเตรียมพร้อมสร้างบุญกุศลไว้รองรับเข้าสู่ยุคใหม่ เข้าสู่ยุคที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง คล้ายสมัยพุทธกาล คือ มากด้วยพระเจ้าพระสุปฏิปันโน พระโพธิสัตว์และก็ความเจริญทางวัตถุ ทางจิตใจ มันก็เพิ่มพูนขึ้นพร้อมๆ กันเข้าสู่ยุคใหม่

วันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ขอให้มีความสุข ความเจริญ สำหรับวันนี้สวัสดี

ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย คุณ Wisuwat

You cannot copy content of this page