green and brown plant on water

การทางอารมณ์ใจ

เวลาอ่าน : 3 นาที

เสียงธรรมจากห้อง  “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฏาคม 2565

เรื่อง การทางอารมณ์ใจ

โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค

ครับสวัสดีนะครับทุกๆท่าน เริ่มต้นฝึกสมาธิด้วยกัน สติกำหนดรู้อยู่กับลมหายใจที่ผ่องใสสว่าง กำหนดจิต จินตภาพเห็นลมหายใจเป็นเหมือนกับประกายพรึกพลิ้วผ่านเข้าออกในกายของเรา ลมหายใจละเอียด เรากำหนดรู้ในลมหายใจ เรากำหนดรู้ในการกลั่นปราณเข้ามาหล่อเลี้ยงเยียวยาธาตุขันธ์ของเรา ลมหายใจที่เป็นธาตุละเอียดที่เป็นปราณยิ่งนำพาให้จิตของเราเข้าถึงลมหายใจละเอียด ลมหายใจยิ่งเบายิ่งละเอียด จิตยิ่งเบาสบายยิ่งสงบ ลมปราณสัมพันธ์จิตใจ ลมหายใจยิ่งสงบระงับละเอียดเบาเพียงใด จิตของเรายิ่งเบาสบายยิ่งเข้าถึงฌานสมาบัติในสมถที่เป็นฌานที่สูงขึ้น 

อยู่กับลมหายใจละเอียดเบาสบาย กำหนดรู้ลมปราณสัมพันธ์จิตใจ จิตยิ่งสงบจิตยิ่งเปี่ยมพลัง พลังของจิตเกิดขึ้นตามคำศัพท์ที่เรียกว่า “จิตตานุภาพ” เกิดขึ้นจากสภาวะที่จิตเรารวมตัวโฟกัสรวมเข้าถึงสภาวะที่จิตเป็นหนึ่งเดียว จิตเป็นเอกัคคตารมณ์ตั้งมั่นสงบนิ่งผ่องใส นิ่งหยุด หยุดคือหยุดจากความคิด หยุดจากการปรุงแต่ง หยุดจากความกังวลทั้งหลาย สงบนิ่งในหยุด หยุดในความผ่องใสของจิต เมื่อจิตนิ่งสงบหยุดแล้ว หยุดจากความโลภโกรธหลง หยุดจากการปรุงแต่ง หยุดจากความทุกข์ความฟุ้งซ่านความวุ่นวายของใจ หยุดจากนิวรณ์ 5 ประการ หยุดจากอกุศลกรรมทั้งปวง นิ่งหยุดอยู่ในความสงบความผ่องใส นิ่งหยุดอยู่ในดวงบุญดวงกุศล 

กำหนดในความนิ่งหยุด น้อมนึกพิจารณาให้เห็นจิตเป็นดวงแก้วประกายพรึกสว่าง น้อมจิตว่าให้ดวงจิตนี้รวมเป็นดวงบุญ รวมเป็นดวงแห่งกุศล ดวงบุญดวงกุศลมารวมตัวกัน จิตเราหยุดอยู่ในดวงแห่งบุญ แต้มบุญแต้มกุศลดวงบุญนี้สว่าง บุญส่งผลให้จิตเราเข้าสู่มรรคผลสู่การปฏิบัติ สู่กระแสธรรมที่ละเอียดบริสุทธิ์สูงขึ้น ดวงบุญดวงทานดวงบารมีรวมตัวสว่าง กำหนดน้อมนึกพิจารณาให้เห็นจิตเป็นเพชรประกายพรึกสว่างระยิบระยับ กำลังที่เกิดขึ้นจากตบะสมถกำลังจิตกำลังใจของเราตั้งมั่นสงบนิ่ง กำหนดน้อมพิจารณาให้ดวงแก้วดวงเพชรภาพนิมิตดวงจิตกสิณเป็นเพชรประกายพรึกสว่างแพรวพราวเต็มกำลัง จิตเป็นเพชรสว่าง เห็นดวงเพชรสว่าง รัศมีของดวงจิตรัศมีของดวงบุญกุศลที่มารวมตัวกันรัศมีของจิตยิ่งสว่างแผ่กระจายรายรอบ 

น้อมปฏิบัติเพื่อสร้างต้นทุนของจิตตนให้มีกำลังสูงสุดเท่าที่เราจะทำได้ จิตสว่างเป็นเพชรระยิบระยับ รัศมีกายสว่าง สภาวะความเป็นทิพย์ที่พร่างพรายเป็นประกายระยิบระยับยิ่งปรากฏเป็นปริมณฑลเป็นอาณาเขตรายรอบกว้างกระจายออกไป ทรงอารมณ์อยู่ในความผ่องใส เพาะบ่มกำลังจิตตานุภาพ ทรงอารมณ์ฌานไว้ ความผ่องใสของจิตไว้ ตั้งมั่น คงอารมณ์ ทรงอารมณ์ไว้ ให้จิตมีเสถียรภาพสามารถทรงอารมณ์ราบเรียบต่อเนื่องสว่างเต็มกำลังได้ยาวนานเท่าที่ต้องการ รัศมีจิตสว่างผ่องใส 

จากนั้นกำหนดจิตว่าฐานบุญต้นทุนแห่งกุศลที่เราสร้างที่เราบำเพ็ญจากการปฏิบัติ เราทรงอารมณ์ฌานสมาบัติในส่วนของกสิณจิตเต็มกำลังแล้ว เราน้อมจิตอธิษฐาน ว่ากำลังที่ข้าพเจ้าทำไว้นั้นถึงแม้ว่าจะสว่างผ่องใสสักประการใด ก็ยังเปรียบประดุจเพียงแสงของหิ่งห้อยอันน้อยนิด เมื่อพิจารณาถึงกระแสพุทธบารมีของดวงจิตแห่งพระพุทธองค์ที่เป็นดั่งดวงอาทิตย์นับล้านดวงมารวมกัน  เมื่อนึกถึง น้อมจิตด้วยความถ่อมใจนอบน้อมอ่อนโยนต่อพระรัตนตรัยแล้ว เราจึงตั้งจิตอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้ามาสงเคราะห์ ขอกำลังแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ พุทธานุภาพอันไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ  ขอกระแสฉัพพรรณรังสีภาพพุทธนิมิตของพระพุทธองค์ทรงสถิตอยู่กลางจิตกลางดวงใจของข้าพเจ้า ระเบิดรัศมีสว่างพร่างพรายออกมาจากดวงจิตข้าพเจ้าด้วยเถิด

กำหนดน้อมนะ หลายคนจะรู้สึกได้ว่าเมื่อภาพพุทธนิมิตครั้งนี้ปรากฏขึ้น จิตเราระเบิดสว่าง รัศมีที่ดวงจิตเราที่ใช้กำลังตัวเองแต่แรกปรากฏรัศมีสว่างจากกำลังของพระพุทธองค์ที่เมตตาสงเคราะห์ยิ่งสว่างขึ้น ยิ่งใสชัดขึ้น ภาพองค์พระที่อยู่ในดวงจิตเรายิ่งสว่างขึ้น

กำหนดทรงอารมณ์ กำหนดภาพองค์พระ สำหรับคนที่คล่องตัวก็กำหนดจิตทรงภาพพระ 3 ฐาน ยังทรงอารมณ์จิต

ยังสืบเนื่องทับซ้อนอยู่กับกายเนื้อขันธ์ 5 

ภาพพระองค์ที่ 1 อยู่เหนือเศียรเกล้ากระหม่อมจอมขวัญ องค์ที่ 2 อยู่ในศีรษะ องค์ที่ 3 อยู่ภายในอก

กลางองค์พระที่อยู่ภายในกายในอกมีดวงแก้วดวงจิตอยู่กลางองค์พระสว่าง

ทรงภาพพระสามฐานชัดเจนทั้ง

1 ภาพพุทธนิมิต

2 ความรู้สึกว่าองค์พระปรากฏอยู่เหนือเศียรเกล้าสัมผัสแตะอยู่ภายในศีรษะ ภายในอกในกายของเราอย่างรู้สึกได้อยู่ รู้สึกถึงรัศมีกาย กำลังพุทธบารมีที่แผ่ออกมาจากพุทธนิมิตทั้งสามองค์ และที่สำคัญที่สุดคืออารมณ์จิตที่เกิดความเอิบอิ่มผ่องใส สัมผัสได้ถึงพุทธบารมีได้อย่างเต็มกำลัง จิตรู้สึกถึงกระแสแห่งพุทธบารมี ครบถ้วน 

กำหนดพิจารณาทรงอารมณ์ทั้งสามส่วน นิมิต ความรู้สึก อารมณ์จิต เต็มพร้อมครบถ้วนเต็มกำลัง

จากนั้นเราพิจารณาต่อไปว่า การกำหนดภาพองค์พระทับซ้อนอยู่ภายในกายของเรานั้น นั่นก็คือการที่เราเพิกกายของเรา อันที่จริงแล้วที่หลวงพ่อฤาษีท่านเมตตาสอนสงเคราะห์ ท่านสอนบอกว่าในอารมณ์แห่งอรูปสมาบัตินั้น อันที่จริงมีการปฏิบัติในอรูปสมาบัติอย่างง่าย นั่นก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทรงนิมิตเห็นภาพองค์พระทับซ้อนอยู่ภายในกายของเรา  นั่นคือการที่เราเพิกรูปวัตถุคือกายเนื้อกายหยาบออกไปจึงปรากฏองค์พระที่อยู่ภายในกายในอกหรือในศีรษะของเราได้  อันนี้ก็ถือว่าเป็นอรูปฌานด้วยเช่นกัน เมื่อไหร่ที่ทรงภาพซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Transparent คือมีความโปร่งใส  กำหนดภาพนิมิตทับซ้อนอยู่ภายในกาย จุดนี้ถือว่าเป็นการทรงในอารมณ์ของอรูปสมาบัติ ซึ่งการทรงอารมณ์ของอรูปสมาบัติ ถึงเวลาที่เราปฏิบัติในขณะที่อยู่ในชีวิตประจำวัน เราทำกิจการงานต่างๆก็ดี ขับรถอยู่ก็ดี เราขับรถไปเราเจรจาติดต่อการงานไป นั่งทำงานนั่งคิดงานไป ภาพนิมิตของภาพองค์พระทั้งสามฐานปรากฏอยู่ เห็นใสทะลุอยู่ในกาย อยู่ในศีรษะ อยู่เหนือกระหม่อมจอมขวัญเราอยู่ ซึ่งการปฏิบัติเมื่อเราคล่องตัวแล้ว การทรงภาพองค์พระนั้นก็จะเกิดกำลังขอมโนมยิทธิและญาณเครื่องรู้ปรากฏ นั่นก็คือเราสามารถเชื่อมต่อ สามารถกราบทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตลอดเวลา

จริงๆการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ถ้าอย่างง่ายก็คือการทรงภาพพระอยู่ แต่จุดของการใช้งาน จุดของการใช้งานก็คือเมื่อไหร่ที่เราทรงภาพพระสามฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฐานที่อยู่ในศีรษะ นั่นก็คือการเชื่อมญาณ เชื่อมกระแสกับพระพุทธองค์โดยตรง อันนี้ก็เป็นเทคนิคการปฏิบัติ การใช้งาน การใช้กำลังของการเจริญพระกรรมฐานอย่างง่ายประการที่หนึ่ง จุดสำคัญคือเราต้องมีความเข้าใจว่ากำลังที่เราทรงภาพพุทธนิมิตในแบบอย่างนี้ คือการทรงในกำลังของอรูปสมาบัติไปพร้อมกัน ดังนั้นกำลังของฌานก็มีความสูงมากกว่าปกติ ในขณะเดียวกันหากเราจะเจริญในกำลังแห่งอรูปฌานที่มีความละเอียดขึ้นเต็มกำลังขึ้น เราก็สามารถที่จะกำหนดเพิกรูปทั้งหมด ระเบิดภาพวัตถุธาตุทั้งหมด สลายภาพทั้งหมด วัตถุธาตุทั้งหมด ของหยาบทั้งหมด จนกลายเป็นความว่าง 

อรูปฌานปฏิบัติอย่างง่ายก็คือสลายรูปที่เป็นของหยาบทั้งหมดออกไป พออรูปฌานที่สูงขึ้นคือสมาบัติที่ละเอียดขึ้นก็ระเบิดแม้กระทั่งจักรวาลทุกสรรพสิ่งออกไปให้หมด แต่จุดที่เราควรจะกำหนดเพิกระเบิดสลาย จะใช้เทคนิค จะใช้ศัพท์ หรือการกำหนดอย่างไรตามแต่อัธยาศัย 

บางคนที่มีลักษณะอารมณ์ของจิตมีความโผงผางก็กำหนดระเบิดกายออกไปจนหมด บางคนชอบอะไรที่มันโผงผางมากขึ้นก็กำหนดระเบิดกายจนเห็นสภาวะอสุภะ ตับไตไส้พุงเหมือนกับโดนระเบิดกลายเป็นซากอสุภะ กระจัดกระจายออกไปโดยรอบทั้งหมด 

กำหนดพิจารณาว่าจิตของเราไม่มีความอาลัยสนใจเสียดายในร่างกายนี้ ระเบิดกายออกไปเป็นกองอสุภะ เป็นกองเลือดกองเนื้อสลายออกไปจนหมด อันนี้ก็เป็นวิสัยที่สามารถใช้กำลังแห่งอรูปสมาบัติควบกับอสุภะสัญญา อันนี้ก็จะยิ่งเป็นตัวที่ใช้ในการตัดร่างกายเพื่อเข้าสู่มรรคผล หรือบางครั้งบางคนมีอัธยาศัยนุ่มนวล กำหนดเพิกกายสลายกายในกำลังของอรูป เราก็เห็นพิจารณาเห็นร่างกายนี้ค่อยๆเลือนสลาย ภาพมันค่อยๆเลือนสลายจางลงไป ใสไป จางไป จนกระทั่งกายที่เป็นกายหยาบนั้นหายไปหมด อันนี้ก็เป็นอัธยาศัยของคนที่นุ่มนวล 

สำหรับอัธยาศัยของบุคคลที่มีความรวดเร็วฉับไว เราก็กำหนดพรึบ ร่างกายนี้สลายหายไปหมดเหลือเพียงแต่ดวงจิต หรือเหลือเพียงแต่ภาพพุทธนิมิตของพระพุทธองค์เพียงเท่านั้น อันนี้ก็เป็นลักษณะของการใช้กำลังของอรูปเพื่อตัดร่างกาย ส่วนเราจะกำหนดพิจารณากำกับหลังจากเพิกรูปในกำลังของอรูปสมาบัติ เราก็พิจารณาต่อว่า รูปนี้เป็นเหตุแห่งความโลภโกรธหลง รูปวัตถุกายขันธ์ 5 นี้เป็นเหตุแห่งความทุกข์ กายขันธ์ 5 นี้ดำรงอยู่ในกฎแห่งพระไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น แก่ชรา เจ็บไข้ได้ป่วยและในที่สุดก็ต้องตายไป ความทุกข์ความเวทนาทั้งหลายมีบ่อเกิดจากร่างกายเนื้อนี้ ร่างกายเนื้อนี้เราไม่ต้องการมันอีก ขันธ์ 5 นี้เราไม่ต้องการมันอีก เราต้องการจุดเดียวคือพระนิพพาน

จากนั้นจึงพิจารณาตัดกายระเบิดกาย เห็นกายนั้นกระจัดกระจายออกไป อาการทั้ง 32 ตับ ไต ไส้พุง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง กระจัดกระจายออกไป ความอาลัยความเสียดายในขันธ์ 5 ร่างกายกายหยาบกายเนื้อไม่มีในเรา เหลือเพียงจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากความเกาะเกี่ยวในขันธ์ 5 ร่างกายกายเนื้อนี้  กำหนดจิตใสสว่าง 

ดังนั้นถ้าหากเราขยันฝึกขยันพิจารณาให้เร็ว เราก็ใช้การระเบิดกายเพื่อเป็นการตัดขันธ์ 5  ใช้เวลาอันรวดเร็ว ไหนๆเราก็เคยดูหนังบู๊หนังต่อสู้ เราใช้ภาพ ใช้ความจำ ภาพจำ ใช้อารมณ์ใจของเรา คนทั่วไปปุถุชนทั่วไปปรารถนาจะทำลายล้างบุคคลที่ตนเองโกรธแค้นเกลียดชัง แต่ตัวเรานั้นระเบิดกายเพื่อสลายชาติภพ สลายความเกาะเกิดเกาะเกี่ยว ความหลงอยู่กับความเป็นมนุษย์ การเวียนว่ายตายเกิดกลับมาเป็นมนุษย์มีขันธ์ 5 พิจารณาจนจิตของเราตัดวาง การระเบิดกาย การตัดขันธ์ 5 ร่างกายของเรารวดเร็วฉับไวปล่อยวางจนจิตนั้นเป็นปกติ เมื่อตัดร่างกายขันธ์ 5 จิตมีความละเอียด จิตมีกำลังเพราะเราใช้กำลังของอรูปเป็นฐานในการเจริญวิปัสสนา เราจึงน้อมจิตต่อไป อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทรงสงเคราะห์ พุทธนิมิตคือกระแสแห่งพุทธบารมีของพระพุทธองค์ที่มาสถิตสถาพรอยู่เหนือเศียรเกล้ากระหม่อมจอมขวัญ อยู่ในศีรษะ อยู่ในกายของเรา เรากำหนดจิต ขอพุทธบารมียกอาทิสมานกายขึ้นไปบนพระนิพพาน ขอกายพระวิสุทธิเทพจงปรากฏขึ้นบนพระนิพพาน ภาพพระนิพพานจงชัดเจนแจ่มใสสว่าง ความเป็นอาทิสมานกายกายพระวิสุทธิเทพจงกระจ่างแจ่มใสปรากฏอยู่เบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์บนพระนิพพาน รวมเรียกว่ามหาสมาคม อยู่บนพระนิพพานนั้น


กำหนดจิตต่อไป พิจารณาในอารมณ์พระนิพพานโดยละเอียดทุกครั้งที่ขึ้นมา พยายามปฏิบัติให้จิตเราเข้าถึงอุปมานุสติกรรมฐานเต็มกำลัง ตามที่ครูบาอาจารย์โดยเฉพาะท่านจิตโตก็ดี หลวงพี่เล็กวัดท่าขนุนก็ดี ท่านเคยเทศน์สอนไว้ว่าไอ้การที่เราใช้กำลังมโนมยิทธิขึ้นมาอยู่บนพระนิพพานได้ อย่าเพิ่งประมาท บางครั้งการที่เรากำหนดขึ้นมาบนพระนิพพานได้เป็นเพียงแค่ภาพสัญญาความจำเท่านั้น ท่านสอนไว้เพียงแค่นี้เราก็ต้องมาพิจารณาต่อ ดังนั้นเมื่อขึ้นมาบนพระนิพพานแล้วเราก็ต้องมาทบทวนอารมณ์พระนิพพาน อารมณ์พระนิพพานคืออารมณ์แห่งอรหัตผลมีอารมณ์เช่นไร เราก็ต้องพิจารณาไล่ตั้งแต่ความอาลัยในร่างกายคือของหยาบที่สุดมีในจิตเราไหม เรายังปรารถนาในการเกิดเป็นมนุษย์อีกไหม จิตเรามีธรรมฉันทะคือความพอใจในพระนิพพานไหม เราตัดภพทั้งหลาย สังโยชน์สิบคือเครื่องร้อยรัดจิตเราไว้กับชาติภพกับภพทั้งหลาย อารมณ์แห่งพระโสดาบัน ศีลเป็นเครื่องปิดอบายภูมิก็คือ ภพของการจะต้องลงไปจุติเป็นสัตว์นรกเปรตอสูรกายตราบขึ้นมาจนกระทั่งถึงสัตว์เดรัจฉาน แต่อารมณ์ของพระโสดาบันก็ยังมีการต้องกลับมาเกิด หากกำลังใจยังไม่เข้มแข็งเพราะสังโยชน์ตัดไปได้เพียงสามข้อ ต้องพิจารณาต่อไป

กามฉันทะเป็นเครื่องผูกให้ใจเราปรารถนามาเกิดอีกในการเป็นมนุษย์ หรือแม้แต่การเป็นเทวดา ความอาฆาตพยาบาทจองเวรเป็นเครื่องผูกจิตเราให้มาตามเกิดจองเวรกับบุคคลอื่น เมื่อตัดไปได้แล้วจิตก็จะเบาลง ภพทั้งหลายก็สิ้นลงไปมากขึ้น ความปรารถนาในความเป็นทิพย์ ความสุขของความเป็นมนุษย์ก็ดี ความเป็นอากาศเทวดาก็ดี ซึ่งหากเราพิจารณาดูความเป็นเทวดานั้นก็ยังมีความข้องอยู่กับกามแต่เป็นสภาวะกามอันเป็นทิพย์ ยังมีความปรารถนาในการมีคู่ครอง มีความปรารถนาในทิพยสมบัติ ปรารถนาในวิมาน ปรารถนาในจำนวนทรัพย์สินอันเป็นทิพย์ เครื่องประดับอันเป็นทิพย์หรือแม้แต่กระทั่งวิมานอันมีขนาดใหญ่โต บริวารเทพบุตรนางฟ้าจำนวนมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นที่พึงใจพอใจ อารมณ์ใจอารมณ์จิตที่ปรารถนา อันนี้ยังถือว่าเป็นกามฉันทะในความเป็นทิพย์ของความเป็นเทวดา เรากำหนดจิตพิจารณาตัดตรงนั้นว่ากามนี้เป็นเครื่องผูกจิตเราให้กลับมาเกิดในสังสารวัฏนี้เราก็ไม่เอา อารมณ์ใจของเราปรารถนาเพียงพระนิพพานจุดเดียว 

แล้วก็พิจารณาตัดสังโยชน์ต่อไปว่า และแม้แต่ความเป็นพรหมก็ดีซึ่งสังโยชน์ข้อนี้ก็คือรูปราคะ ความเป็นอรูปพรหมก็ดี นั่นก็คืออรูปราคะ ความหลงผิดว่าความว่างนั้นคือพระนิพพานก็ดีไม่มีในจิตเรา จิตเราเกิดปัญญาหยั่งรู้ ตัดความฟุ้งทั้งหลายของจิต ตัดมานะทิฐิทั้งหลายของใจ รวมถึงตัดอวิชชาดับอวิชชาทั้งปวงว่า เพราะความโง่ตัวเดียวที่ทำให้เรายังเกิด ยังเร่ร่อนอยู่ในสังสารวัฏนี้ จิตเราตอนนี้จับมั่นคงจุดเดียวคือพระนิพพานเท่านั้น จิตไม่มีความหวั่นไหวใดๆ ตั้งมั่นอยู่กับพระนิพพานเป็นที่สุด จิตเกาะอยู่กับพระรูปพระโฉม อยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตตั้งมั่นอยู่กับหลวงพ่อ ใจเราไม่กวัดแกว่งลังเลสงสัยไปในภพอื่นภูมิใดอีกต่อไป จิตเด็ดเดี่ยวตั้งมั่นว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอทำพระนิพพานให้แจ้ง 

ในการเกิดของข้าพเจ้าในชาตินี้ สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กราบลาก่อนลงมาเกิด ไม่ว่าจะมาจากบาดาลนาคนครก็ดี ได้ลงมาจุติลงมาเกิดจากพรหมโลกก็ดี กราบลาท่านปู่ท่านท้าวสหัมบดีพรหมลงมา หรือมาจากสวรรค์ชั้นใดก็ดี ได้กราบลาท่านปู่พระอินทร์ลงมาเกิดมาจุติ รวมถึงหลายคนอธิษฐานจิตลงมาช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เราก็ตั้งใจเด็ดเดี่ยวมั่นคงว่าการเกิดของเราอุตส่าห์ลงมา มีความเหนื่อยยาก ต้องมาลำบากตรากตรำ มาสร้างบารมีมาสร้างความดีในเขตพระพุทธศาสนา พระพุทธรูปที่เราสร้างจำนวนนับไม่ถ้วนที่ร่วมบุญสร้าง  สังฆทานมหาสังฆทานเราถวายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน  ร่วมบุญอนุโมทนามากมายนับไม่ถ้วน ปฏิปทาสาธารณประโยชน์เราทำ ถ้าพูดกันตามตรงเอาเฉพาะบุญในชาติปัจจุบัน แต่ละคนนั้นก็แทบจะจดจะจำกันได้ไม่หวาดไม่ไหว  บุญเราสำเร็จแล้ว ทานเราสำเร็จแล้ว บารมีเราครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เราตั้งใจจุดเดียวว่าบุญทั้งหลายรวมตัวส่งผลหนุนนำให้เราทุกคนเข้าถึงซึ่งพระนิพพานชาตินี้ได้แน่นอน กำหนดจิตทรงอารมณ์พระนิพพานไว้ กำหนดในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพาน สว่าง “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” การดับไม่เหลือเชื้อแห่งการเกิด ไม่มีเชื้อแห่งการเกิด ไม่มีความอยากความปรารถนาในการลงมาจุติไม่ว่าจะเป็นภพใดภูมิใด

ดังนั้นหากเราสังเกตว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราปฏิบัติในมรรคผลอารมณ์แห่งความเป็นพระอริยะเจ้า อารมณ์แห่งพระนิพพานเราเข้าถึงแนบแน่นสนิทมากเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเราจะมีกำลังของมโนมยิทธิมีฤทธิ์ทางใจ สามารถจะไปท่องเที่ยวดวงดาวจักรวาลทั้งหลายได้ ไปภพภูมิต่างๆ ไปบาดาลนาคนคร ไปป่าหิมพานต์ ไปสวรรค์แต่ละชั้น ย้อนอดีต ข้ามไปดูอนาคต สามารถใช้การได้ มีความคล่องตัวไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่จิตเราแนบกับพระนิพพานแล้ว อารมณ์ความอยากความอยากเที่ยว ความปรารถนาที่จะเพลิดเพลิน เมื่อความอยากนั้นมันดับ จิตก็จะเกาะอยู่กับพระนิพพานเพียงจุดเดียวเท่านั้น

ดังนั้นให้เราดูจิตของเรา คนที่มาฝึกมโนมยิทธิ หากยังเพลิดเพลิน ยังอยากเที่ยว ยังอยากเที่ยวเล่น อารมณ์จิตนี้ความแนบในพระนิพพานก็ยังถือว่าน้อย จะกำหนดรู้ในสิ่งใดหรือจะไปที่ไหน จะไปที่ไหนขึ้นอยู่กับว่าพระท่านสงเคราะห์ว่ามีเหตุใด หน้าที่ใด มีสิ่งใดที่พึงต้องรู้ เราถึงรู้ แต่ความทะยานอยาก ความซุกซน ความอยากเที่ยวเล่นของจิต มันไม่มี มันเบา มันหายไปเมื่อไหร่ เราไปพระนิพพานจุดเดียว ให้เราน้อมมาทบทวนดูอารมณ์ใจของเรา  ไปพระนิพพานไม่รู้เบื่อ อารมณ์จิตเราไม่อยากไปที่ใด พระนิพพานเป็นที่สุดท้าย ใจของเราจะไม่เกิดอีกต่อไป

กำหนดน้อมพิจารณาถามจิตของเราเอง ทรงอารมณ์จิตของเราไว้เช่นนี้ อยู่กับพระพุทธเจ้า อยู่กับหลวงพ่อ น้อมเชื่อมกระแสกับพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์ กระแสแห่งพระนิพพานที่เชื่อมโยงอาทิสมานกายกายพระวิสุทธิเทพ คือจิตของเราอยู่กับพระนิพพานนั้น กระแสที่เชื่อมโยงนั้นก็จะเป็นเครื่องกระแสสายบุญที่ดึงดูดให้เราเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน จิตกำหนดรู้อยู่ ทรงอารมณ์กับอารมณ์พระนิพพานไว้ กิจทั้งหลายจบแล้ว ภาระทั้งหลายสิ้นแล้ว ความห่วงทั้งหลายจบสิ้นหมดแล้ว ความอาลัยในวัตถุในชาติภพในคำสัญญา ข้ามภพข้ามชาติล้วนจบสิ้นหมด สุดท้ายทุกดวงจิตล้วนพบกันบนพระนิพพาน แต่สภาวะของการพบ มันไม่มีความเนื่องในกามในความรัก จิตมีความยินดีโมทนากับกุศลที่ท่านทั้งหลายดับไม่เหลือเชื้อไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในทะเลทุกข์อีกต่อไป 

กำหนดน้อมพิจารณา ทรงอารมณ์พระนิพพานไว้ “นิพพานัง ปรมัง สุขขัง” พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

ความโลภความโกรธความหลงในขณะนี้สิ้นไปดับไปจากจิตของเรา กระแสจิตบริสุทธิ์สะอาด กายทิพย์สว่างอย่างยิ่ง 

อาทิสมานกายของเราสว่างใส   จิตสว่าง จิตบริสุทธิ์ จิตปราศจากสรรพกิเลสทั้งปวง

วันนี้มีวาระพิเศษ เมื่อทรงอารมณ์จิตอยู่บนพระนิพพานแล้ว วันนี้มีวาระที่พระท่านให้เราไป พุ่งอาทิสมานกายกำหนดในกายแห่งพระวิสุทธิเทพ  พุ่งลงไปที่เมืองแก๊ต น้อมจิตกราบครูบาบุญชุ่ม กำหนดจิตเข้าไปกราบท่าน น้อมอธิษฐานว่าเราทุกคนขอน้อมกราบโมทนาสาธุ มหาโมทนากับกุศลที่ท่านได้เมตตาสงเคราะห์ดินแดนแห่งสุวรรณภูมิ ทรงเจริญสมาบัติปฏิบัติอยู่ในถ้ำ เป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วันจนครบกำหนดในวันนี้  ขอบุญจงปรากฏ  ขออนุโมทนา ขอมหาโมทนาบุญ กำหนดดูกำหนดรู้จิตของหมู่ชนชาวไทยใหญ่ ชาวรัฐฉานที่มีศรัทธาโมทนาสาธุ เกิดมวลพลังงาน เกิดกระแสบุญจำนวนมากมายมหาศาลปรากฏ รวมถึงกิจพิเศษที่เบื้องบนท่านกำหนดให้พระโพธิสัตว์ครูบาบุญชุ่มเจริญสมถบำเพ็ญบารมีเพื่อสงเคราะห์ เป็นกำลังบุญใหญ่หนุนนำให้เข้าสู่ยุคชาววิไล หนุนนำสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ท่านเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชก่อนที่จะเข้าไปปฏิบัติ 3 ปี 3 เดือน 3 วัน

ท่านตั้งจิตอธิษฐานหนุนนำบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่ 10  เราก็น้อมจิตโมทนากับท่าน ขอกำลังบุญนี้จงปรากฏยอยก เปิด จงเป็นวาระการขึ้นแห่งยุคชาววิไลอย่างอัศจรรย์ด้วยเถิด กำหนดจิตโมทนาสาธุ กำหนดรู้เห็นในเทวดาพรหมทั้งหลายที่มาปรากฏอยู่ในบริเวณสถานที่ที่ครูบาบุญชุ่มท่านอาศัยท่านพักอยู่ในขณะนี้ กำหนดรู้ กำหนดโมทนา กำหนดใจของเราในความเป็นทิพย์นะ เรามาปฏิบัติในกลุ่มเมตตากรรมฐาน  มีกิจที่เป็นภาคทิพย์เบื้องบน เมื่อคืนวันที่ 27 ก่อนวันเฉลิม พระองค์ภาท่านทรงนิมนต์พระเถรานุเถระจำนวนมากรวมถึงพระครูปลัดสมนึกท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุงเข้าไปสวดมนต์ที่วัดไตรมิตร เป็นการสวดมนต์ของพระเถระครูบาอาจารย์ผู้มีฌาน ผู้มีบารมี ผู้เป็นพระสุปฏิปันโน อันที่จริงก็สวดกันข้ามคืน เป็นการสวดเสริมยกดวงพระชะตาเป็นพิเศษ เทวดาพรหมโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตรที่มีเทวดารักษาเป็นจำนวนมากก็ก่อให้เกิดกระแสบุญกระแสกุศล ทุกอย่างสอดคล้องสอดประสาน หลังจากวันเฉลิมนี้อีกไม่นาน ความเจริญของบ้านเมือง ความอัศจรรย์ต่างๆ ก็จะเริ่มค่อยๆปรากฏขึ้นดีขึ้นตามลำดับ กำลังใจของสาธุชนผู้ปฏิบัติธรรมก็จะค่อยๆยิ่งสูงขึ้น การปฏิบัติธรรมได้มรรคผลกันสูงขึ้นกันทุกสายการปฏิบัติ เราก็น้อมจิตกำหนดรู้โมทนาสาธุกับทุกปรากฏการณ์ที่ปรากฏขึ้น

ในขณะเดียวกันในทางโลกในต่างประเทศก็เกิดเภทภัยเกิดอันตรายเกิดภัยพิบัติ ทั้งภัยธรรมชาติทั้งโลกระบาดทั้งศึกสงครามที่มาประชิดปรากฏในหลายภูมิภาคและที่กำลังจะเกิดขึ้น เราก็น้อมอธิษฐานจิตขอกำลังแห่งพุทธานุภาพคุ้มครองเขตแดนเขตประเทศไทย รวมถึงคุ้มครองกัลยาณมิตรกัลยาณชนทั้งหลาย เพื่อนกัลยาณมิตรที่ปฏิบัติที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ ขอกำลังแห่งพุทธานุภาพจงอาราธนาลงมาคุ้มครองเต็มกำลัง ไม่ว่าจะอยู่ในเขตประเทศใดก็ตาม ขอกำลังพุทธบารมีรักษา ธรรมะบารมีรักษา สังฆะบารมีรักษา

จากนั้นเมื่อเรากราบครูบาบุญชุ่มเรียบร้อยแล้ว เราก็น้อมจิตนะบางคนจะรู้สึกได้ว่าท่านเมตตาใช้พัดขนนกยูงแตะที่ศีรษะให้เราก็น้อมใจรับกระแสรับพรท่าน 

จากนั้นยกจิตพุ่งกลับขึ้นไปบนพระนิพพาน กำหนดสมาธิเห็นอาทิสมานกายเรานั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ดอกบัวแก้วอยู่เบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐม ขัดสมาธิอยู่ในท่าเจริญพระกรรมฐาน กำหนดจิตทรงอารมณ์ให้ผ่องใสที่สุด สว่างที่สุด จิตละวางจากความเกาะเกี่ยวเกาะเกิดทั้งหลายภพภูมิทั้งหลาย จิตตั้งมั่นอยู่บนพระนิพพาน อาทิสมานกายเป็นดั่งเพชรที่สลักปักลึกแน่นอยู่เป็นหนึ่งเดียวอยู่กับพระนิพพาน กำหนดจิตพิจารณาในอาทิสมานกายที่สว่างอยู่ขณะนี้  ใจสบายผ่องใส

จากนั้นเรากำหนดน้อมจิต เชื่อมกระแสอาราธนาบารมีกระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน แผ่เมตตาลงไปยังอรูปพรหมทั้งหลาย ทั้ง 4 ชั้น 4 ภูมิ พรหมโลกทั้งหลายทั้ง 16 ชั้นมีท่านท้าวสหัมบดีพรหมเมตตาเป็นประธาน

แผ่เมตตาจากพระนิพพานลงไป แผ่กระแสบุญรวมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งแผ่เมตตาแผ่อุทิศส่วนกุศล น้อมกระแสบุญรวมเป็นหนึ่งในการแผ่ลงจากพรหมโลกลงไปอย่างสวรรค์ทั้ง 6 ชั้นมีท่านปู่ท่านย่าพระอินทร์ ท้าวมหาราชทั้ง 4  อินทกะทั้งหลายเมตตาเป็นประธาน กระแสบุญกระแสกุศลน้อมไปถึงพระสยามเทวาธิราชทั้งหลายทุกพระองค์ เทวดาตนใดก็ตามองค์ใดก็ตามที่เมตตาสงเคราะห์ประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังจิตกำลังใจของท่านตั้งใจไว้ว่าจะปกปักรักษาดินแดนประเทศไทยไว้ ซึ่งการรักษาดินแดนประเทศไทยไว้ก็เพื่อเป็นดินแดนเพื่อจำรัสจารึกพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง หากการรักษาดินแดนคือดินแดนสยามประเทศนี้รักษาเป็นเอกราชไป แต่พระพุทธศาสนาถูกกระทำย่ำยีทำลาย ก็ไม่รู้จะรักษาไปเพื่ออะไร และในขณะเดียวกันการดำรงรักษาพระพุทธศาสนานั้น เป็นบทบาทหน้าที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในทุกอาณาจักรทุกราชวงศ์ล้วนแต่เป็นองค์พุทธมามกะ ล้วนแต่เป็นองค์อุปัฏฐากอุปถัมภ์พระพุทธศาสนามาโดยตลอด ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ไม่เคยมีศาสนาอื่นหรือศาสนาใด  เหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นพระสยามเทวาธิราชก็ดี ไม่ว่าจะเป็นเทวดาผู้รักษาเศวตฉัตรก็ดี  ไม่ว่าจะเป็นเทวดาผู้พิทักษ์รักษาพระบวรพุทธศาสนาองค์ใดก็ดี ล้วนแต่เชื่อมโยงเข้าใจในความสัมพันธ์แห่ง 3 สถาบันหลักนี้ทั้งสิ้น

เราน้อมจิตน้อมกุศลแผ่เมตตาอุทิศทั้งส่วนกุศลจากการปฏิบัติ จากการถวายมหาสังฆทาน จากการเจริญพระกรรมฐาน จากการทรงอารมณ์พระนิพพานอันเป็นกำลังกรรมฐานสูงสุด  น้อมเชื่อมกระแสจากพระนิพพานส่งบุญโดยตรงถึงทุกท่านทุกพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระสยามเทวาธิราช เทวดารักษาเศวตฉัตร เทวดาพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา นาคครุฑทั้งหลาย เทพทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงเกิดกำลังบุญฤทธิ์ เทพฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์อัศจรรย์ มีกำลังในการรักษาทั้งสยามประเทศเขตคราม พระพุทธศาสนาและพระมหาเศวตฉัตร สถาบันกษัตริย์ขอจงมีกำลัง ขอจงมีกำลังแห่งบุญ ขอจงเกิดฤทธิ์อันอัศจรรย์ ความเจริญรุ่งเรืองจงปรากฏ บุญทั้งหลายจงรวมตัว พระบารมีทั้งหลาย บารมีของผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย พุทธบริษัทสี่ทั้งหลาย จงเปิดขึ้น จงรวมตัว บุญทั้งหลายของทุกดวงจิตผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ผู้เป็นผู้ปฏิบัติธรรม ขอจงเปิดขึ้นสู่ยุคชาวิไล น้อมจิตน้อมใจของเราให้สว่าง ส่งกำลังให้ทุกท่านทุกรูปทุกนาม ทั้งท่านที่เป็นเทวดาพรหม ทั้งท่านที่เป็นมนุษย์

จากนั้นแผ่เมตตาต่อไป จากสวรรค์อากาศเทวดาแผ่เมตตาไปยังรุกขเทวดา ภุมมเทวดาทุกพระองค์ พระเสื้อเมือง พระหลักเมือง พระทรงเมืองผู้เรืองฤทธิ์ เทพาอารักษ์ทั้งหลาย พระภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย น้อมกุศลให้พระภูมิเจ้าที่ของเราได้รับกระแสบุญ ทิพยสมบัติมีกำลังพิทักษ์รักษาคุ้มครองผู้ที่อยู่อาศัยในเคหะสถานบ้านช่องของเรา กำลังบุญท่านเพิ่มขึ้นสว่างขึ้น กำลังแห่งพระกรรมฐาน กำลังแห่งมหาสังฆทานอันเป็นทิพยสมบัติโดยตรง อานิสงส์แห่งทิพยสมบัติจงปรากฏต่อทุกท่าน ภุมมเทวดา พระภูมิเจ้าที่ เจ้าที่เจ้าทาง พ่อปู่พ่อย่าขอท่านจงมีบุญฤทธิ์อิทธิฤทธิ์ ขอปรากฏรัศมีกายสว่างคุ้มครองรักษา

จากนั้นแผ่เมตตาต่อไปอย่างสรรพสัตว์อันได้แก่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่มีกายหยาบ มนุษย์ทั้งหลายทั้งโลกใบนี้และจักรวาลอื่นทั่วอนันตจักรวาล สัตว์โลกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นมดแมลง 2 ขา 4 ขา 8 ขา หลายขา ไร้ขา มีรูปมีกายเนื้ออยู่ในข่ายของสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล แผ่ผลบุญน้อมกระแสบุญถึงทุกรูปทุกนาม 

จากนั้น แผ่เมตตาน้อมกระแสอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรดาโอปปาติกะสัมภเวสี แผ่กระแสบุญ ปรับภพภูมิ ให้กระแสแสงสว่างแห่งบุญกุศลน้อมนำดวงจิตทั้งหลายพ้นจากภพภูมิอันเป็นทุกข์ที่ติดขัดที่ขัดข้องที่ถูกจองจำอยู่ในภพใดภูมิใด

ขอกระแสแห่งพระนิพพานกำลังแห่งพุทธคุณ หากดวงจิตดวงวิญญาณใดถูกจองจำไว้ด้วยอวิชชาคุณไสยใด ก็ขอให้เปิดบท อวิชชาทั้งปวงจงดับล้างสลาย ดวงจิตทั้งหลายจงเป็นอิสระจากการถูกจองจำกักขังทั้งด้วยอวิชชาก็ดี ด้วยความไม่รู้ก็ดี ด้วยคุณไสยก็ดี ขอดวงจิตทั้งหลายจงเป็นสุข ขอกระแสบุญ กระแสแห่งมหาสังฆทาน จงแผ่ไปถึงทุกรูปทุกนามทุกดวงจิต ขอความเป็นทิพย์จงปรากฏกับทุกรูปทุกนาม ดวงจิตดวงวิญญาณที่ถูกมาใช้ ถูกมาให้กระทำย่ำยีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บ้านเมือง ขอกำลังแห่งบุญกระแสแห่งพระนิพพานจงดับล้างสลายอวิชชาทั้งปวงไปจนหมดสิ้น

ขอจักรแก้วจงหมุนสลายดับล้างสิ่งที่เป็นคุณไสยทั้งปวงเหลือแต่กระแสแห่งพุทธคุณอันบริสุทธิ์ กระแสธรรม กระแสใจที่มีความบริสุทธิ์เมตตาจงปรากฏต่อโลกใบนี้ ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย

จากนั้นแผ่เมตตาต่อไปยังภพของเปรตอสุรกาย กระแสบุญจงถึงทุกรูปทุกนาม ท่านทั้งหลายที่อยู่ในวิสัยอันเป็นญาติ เคยเป็นญาติของข้าพเจ้าในชาติใดภพใด ก็ขอให้กระแสบุญจงถึงท่าน ให้ท่านโมทนาบุญได้สำเร็จประโยชน์สุข 

แผ่เมตตาเนื่องจากวาระแห่งการเปิดนรกภูมิ

แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล กระแสบุญจากพระนิพพาน กระแสมหาสังฆทานอันเป็นทิพย์ แผ่ลงไปยังนรกภูมิทั้งปวง ขอสัตว์นรกทั้งหลายจงสุขสงบ จงบรรเทาจากเวรภัย จงบรรเทาจากความทุกข์ความหิวโหยความอดอยาก ขอกระแสบุญกระแสแห่งพุทธะจงเปิดดวงจิตทั้งหลายให้เห็นแสงธรรม ขอดวงจิตทั้งหลายจงเป็นสุข ขออาราธนาบารมีพุทธคุณจงเปิดให้แสงแห่งมรรคผลพระนิพพาน กระแสแห่งมรรคผลพระนิพพาน สายธารแห่งธรรมหลั่งไหลดับความเร่าร้อนในดวงจิตดวงใจของสัตว์นรกทั้งปวง ขอกระแสบุญทั้งหลายนี้ท่านพญายมราชเมตตาเป็นประธานและพยานลับ รวมถึงนายนิริยบาลทั้งหลายได้มีส่วนร่วม ได้เป็นพยานในกระแสบุญในกระแสกุศลทั้งหลายของข้าพเจ้า และขออุทิศส่วนกุศลนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆะบูชา  บูชาคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์ในทุกชาติทุกภพของข้าพเจ้า ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลายของข้าพเจ้า ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอกระแสบุญทั้งหลายจงสำเร็จประโยชน์ด้วยเถิด 

จากนั้นกำหนดจิตต่อไปนะ น้อมกระแสจากพระนิพพานเป็นแสงสว่างลงมายังกายเนื้อ กำหนดจิตแสงสว่างกระแสพระนิพพานกระแสมรรคผล ฟอกชำระล้างธาตุขันธ์ กายเนื้อภายในทั้งหมดใสบริสุทธิ์ เชื้อโรคทั้งหลายสลายไปให้หมด อวิชชาคุณไสยทั้งหลายจงสลายสิ้นออกไปให้หมด โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายจงสลายไปให้หมด กระแสแห่งพระนิพพานฟอกชำระล้าง ฟอกธาตุขันธ์ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ใสเป็นแก้วสะอาดบริสุทธิ์ อาการทั้ง 32 ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ในกายใสสะอาดบริสุทธิ์ เซลล์ทุกเซลล์ทั่วร่างเป็นผลึกเพชรระยิบระยับ 

ธาตุดินเป็นผลึกเพชรระยิบระยับ ธาตุน้ำเป็นผลึกเพชรระยิบระยับ ธาตุลมเป็นผลึกเพชรแพรวพราวพลิ้วผ่านภายในกายไหลเวียนพัดขึ้นลงผ่านในกาย ธาตุไฟเป็นประกายระยิบระยับเป็นกระแสเป็นพลังงานบริสุทธิ์ เป็นธาตุไฟความร้อนในกาย กำหนดจิตฟอกธาตุขันธ์ โรคภัยไข้เจ็บจงสลายหายศูนย์ เซลล์ที่ผิดปกติทั้งหลายจงสลายหายไป เนื้องอกเซลล์มะเร็งจงสลายไป กระแสจากพระนิพพานฉายส่องดับล้างสลายโรคภัยไข้เจ็บไปจนหมด ปอดที่ป่วยที่ช้ำที่ถูกทำลายสำหรับผู้ใดที่ป่วยโควิดก็ขอให้ธาตุบริสุทธิ์กระแสพระนิพพานชำระล้างฟอกปอดฟอกธาตุขันธ์ เสริมสร้างเซลล์ขึ้นให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม กระแสพุทธคุณคุ้มครอง กระแสธรรมเป็นธรรมโอสถ ฟอกธาตุขันธ์เยียวยาร่างกายขันธ์ 5 นับแต่นี้ขอให้ข้าพเจ้าทุกคนสามารถใช้งานกำลังแห่งพระกรรมฐานให้สำเร็จประโยชน์ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ให้ข้าพเจ้าสมบูรณ์ไปด้วยพละคือพละกำลังความแข็งแรงของร่างกาย ปัญญาคือมีปัญญาชาญฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรม วิริยะคือความเพียรในการปฏิบัติ และความก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ขอข้าพเจ้าสมบูรณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งมนุษย์สมบัติ ธรรมสมบัติ ทิพยสมบัติคือทิพยอำนาจความเป็นทิพย์ของจิต อภิญญาทั้งหลาย รวมไปถึงอริยทรัพย์สมบัติ ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ที่เต็มถึงพร้อมในทรัพย์ทั้งปวง

จากนั้นกำหนดจิตนะ กราบพระพุทธเจ้า อาทิสมานกายกราบแทบเบื้องพระบาทพระพุทธองค์

จากนั้นนิ่งหยุด กำหนดจิตอธิษฐานตามสิ่งที่จิตเราประกอบชอบด้วยกุศล

อธิษฐานจิตตรงเป็นกำลังหลังพระกรรมฐาน จิตตั้งมั่นจดจ่อ “จงสำเร็จ”

เมื่อกราบพระพุทธเจ้าแล้ว คราวนี้เราก็กำหนดจิตนะ โมทนาสาธุกับผู้ที่ปฏิบัติธรรมร่วมกันกันทุกคนกัลยาณมิตรทั้งหลายและขอให้เรามีสามัคคีธรรมในหมู่คณะ สามัคคีกันในทุกสายการปฏิบัติในเขตของพระพุทธศาสนา ใจของเราปรารถนาในปฏิปทาสาธารณประโยชน์ มุ่งมาดปรารถนาให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เมื่อกำลังใจเราดีเป็นกุศลแล้ว บุญก็ย่อมตอบสนอง ทุกอย่างก็เกิดความศักดิ์สิทธิ์

วันนี้ก็ขอเสริมนิดนึง มีผู้ที่ปฏิบัติธรรมในกลุ่มพวกเราก็มีหลายคน เริ่มมีความอัศจรรย์ในการปฏิบัติเพิ่ม  ลูกสาวก็มาสังเกตดูหลังของแม่ ปรากฏว่าหลังของแม่มีเกล็ดเป็นเพชร เป็นประกายเป็นเพชรเกิดขึ้น  อันนี้ก็ขออนุญาตไม่แจ้งว่าเป็นท่านผู้ใด แต่ว่าการปฏิบัตินั้นมีความเข้มข้น ตั้งใจปฏิบัติในการทรงอารมณ์ความผ่องใสเต็มกำลังทุกครั้งที่ปฏิบัติ แล้วก็ทรงอารมณ์อยู่บนพระนิพพานอย่างสม่ำเสมอ อารมณ์แห่งความผ่องใสนั้นเป็นผล จิตที่มีความผ่องใสดำรงอยู่ในกายใดกายนั้นก็ถูกฟอกธาตุขันธ์ ธาตุขันธ์ที่สะอาด บริสุทธิ์จากจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ ธาตุที่เป็นของหยาบก็พลอยบริสุทธิ์เปลี่ยนผลึกปรากฏความเป็นเพชรตามไปด้วย อันนี้ก็เป็นผลแห่งการปฏิบัติของกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง เล่าเพื่อให้เป็นกำลังใจของเราแต่ละบุคคล “หัวใจของพระกรรมฐานก็คือการทรงอารมณ์ใจ” ความดีมีหลายระดับชั้นใดความผ่องใสก็มีความระดับความผ่องใสเฉกเช่นกัน ความผ่องใสสูงที่สุดก็คืออารมณ์พระนิพพาน ซึ่งหากเราพิจารณาอยู่ในมงคล 38 ประการ มงคลสุดท้ายก็คือจิตผ่องใสสูงสุด คือผ่องใสถึงระดับของพระนิพพาน เมื่อเราจับจุดที่เป็นจุดยอด ศัพท์เขาเรียกว่าเป็นเพชรยอดมงกุฎได้จับหลักได้จับเพชรเม็ดยอดมงกุฎได้ ทรงอารมณ์ไว้ได้เสมอ ผลแห่งการปฏิบัติเราก็ก้าวหน้าอย่างอัศจรรย์ จำไว้เสมอว่านับแต่นี้เราปฏิบัติแบบเต็มกำลัง กรรมฐานทุกกอง อารมณ์กรรมฐานทุกกอง เราปฏิบัติเต็มกำลัง ก็ขอให้เราทุกคนมีกำลังใจในการปฏิบัติในการทำความดีต่อไป

หลังการเจริญพระกรรมฐานก็อย่าลืมเขียนแผ่นทองอธิษฐานพระนิพพานไว้เสมอ ร่วมสร้างบุญร่วมสร้างบารมี แล้วก็ตั้งใจปฏิบัติด้วยความสม่ำเสมอไม่มีความแผ่วไม่มีความขี้เกียจ ปฏิบัติให้เป็นนิจให้ได้ แล้วแน่นอนว่าการปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน เราสามารถเข้าถึงได้ทุกคนชาตินี้ สำหรับวันนี้ก็โมทนาสาธุกับทุกคน พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้สวัสดี 

สำหรับใครที่ต้องการจะให้สอนจุดใดเพิ่มเติมเป็นพิเศษก็สามารถแจ้งได้ อย่างในวันนี้ก็มีผู้ที่ขอให้เน้นเรื่องการฟอกธาตุขันธ์ เนื่องจากมีญาติธรรมท่านอื่นถูกคุณไสยเข้า ก็ตรงนี้ก็ถือว่าเราฝึกกรรมฐานแล้วก็แก้ไปกันในตัว ผู้อื่นก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วยนะครับ ถ้ามีคนไหนสอบถามก็สอบถามมาในห้องได้ ในห้องไลน์ได้นะครับ

สำหรับวันนี้โมทนากับทุกคน สวัสดีครับ

ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย คุณ Be Vilawan

You cannot copy content of this page