green and brown plant on water

การทรงภาพพระ

เวลาอ่าน : 4 นาที

เสียงธรรมจากห้อง  “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”

วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566

เรื่อง การทรงภาพพระ

โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค

กำหนดสติ   ในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม  ทั่วร่างกาย   ผ่อนคลายร่างกาย  จิตใจของเราให้อยู่กับความสงบ   เบา  สบาย  ปล่อยวาง  ตัดความห่วง  ความกังวลทั้งหลาย   ออกไปจากจิตใจให้หมด   จนจิตเหลือแต่เพียงความสงบ   จากนั้นกำหนดสติ  ก็รู้อยู่กับลมหายใจสบาย   ลมหายใจที่เหมือนกับแพรวไหม  พริ้วผ่านเข้าออกภายในกายของเรา          ลมหายใจยิ่งเบา  ยิ่งละเอียด  จิตยิ่งเข้าสู่ความสงบ   เมื่อจิตมีความเบา  มีความสบายแล้ว  เราใช้สติกำหนดรู้เท่าทันในอารมณ์จิต  ความรู้สึก  ในความสุขสงบ คือ เวทนามหาสติปัฏฐาน  กำหนดในความสงบเบา  

เมื่อจิตมีความชินในความสงบเบา  จิตได้พักจากความฟุ้งวุ่นวาย  อยู่กับความสงบผ่องใส  จิตก็จะสามารถดำรงตั้งมั่นอยู่ในฌาน  อยู่ในสมาธิได้มากขึ้น  เร็วขึ้น   เมื่ออารมณ์สบายปรากฏขึ้น  อารมณ์จิตนี้เป็นอารมณ์แห่งอุปจารสมาธิ  อารมณ์เบาๆ อารมณ์สบายๆ อารมณ์สงบ  อารมณ์จิตที่อุเบกขา  คือ มีความวางเฉย  ต่อสิ่งที่มากระทบภายนอก   เบา  หยุดจากการปรุงแต่ง   จากความฟุ้งซ่าน   อารมณ์จิตที่เป็นทิพย์นี้  เป็นอารมณ์จิตที่ปรากฏการใช้ญาณ   คือญาณเครื่องรู้ที่ผุดรู้ขึ้นมาในจิต   ปรากฏอยู่ในช่วงอารมณ์สภาวะธรรมนี้   หรือแม้แต่กำลังของมโนมยิทธิความเป็นทิพย์   ก็ใช้กำลังของความสงบในช่วงของอุปจารสมาธินี้เช่นกัน 

เมื่ออารมณ์เบา    อารมณ์สบาย    อารมณ์ความเป็นทิพย์นี้ปรากฏ    เรากำหนดจิตต่อไป    เคลื่อนจิตจากอานาปานสติ   เข้าสู่กสิณจิต   กสิณนั้นเป็นบาทฐานแห่งจิตตานุภาพของจิต   กสิณยิ่งมีความชัดเจน  คล่องตัว      และภาพนิมิตแห่งกสิณ  เต็มไปด้วยความศรัทธา  ความเชื่อ  ความตั้งมั่น   กำลังอภิญญาจิตก็เกิดขึ้นจากอารมณ์นี้   เมื่อกำหนดรู้แล้ว  ก็ทรงอารมณ์จิต   น้อมนึกจินตภาพ   เห็นดวงจิตของเรากลายเป็นแก้วใสสว่าง   จากแก้วใสสว่างกลายเป็นเพชรประกายพรึก  คือเป็นเพชรที่มีลักษณะเป็นเพชรระยิบระยับแพรวพราว  มีแสงสว่าง  มีรัศมี  กำหนดที่จิตที่เป็นประกายพรึกนี้   ทรงอารมณ์ไว้  นึกภาพจิตที่เป็นประกายเพชรนี้   อยู่ภายในตำแหน่งฐานที่ตั้งของจิต  หรือศูนย์กลางกาย  บริเวณใต้สะดือ 2 นิ้ว   ความรู้สึกว่าแสงสว่าง   ความแพรวพราว  ความเป็นเพชร  แผ่สว่างทะลุออกจากกายเนื้อ   นึกภาพว่าดวงแก้วที่เป็นเพชรประกายพรึกนี้   อยู่ภายในกาย   ซึ่งกายมีสภาวะเหมือนเป็นถ้ำ เป็นโพลง  มีดวงแก้วสว่าง   ความสว่าง  ความระยิบระยับของดวงแก้ว  ที่ปรากฏในกาย   สว่างทะลุกายเนื้อ จนกายเนื้อนี้         มีแสงสว่างเรือง  มีรัศมี   มีเส้นแสงแผ่ออกมาจากกายเนื้อตามไปด้วย   ทรงอารมณ์  ทรงความรู้สึก   ทรงภาพนิมิต   ที่เห็นดวงจิต   เป็นเพชรประกายพรึก   สว่าง   พร้อมกับกายเนื้อสว่าง   มีรัศมี   อารมณ์จิตมีความอิ่ม  มีความสุข   ภาพดวงแก้วภายในกายของเรานั้น   ยิ่งใสขึ้น  ละเอียดขึ้น   ยิ่งใส  ยิ่งละเอียด 

จากนั้นกำหนดจิตต่อไป  ตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า   กำหนดน้อมให้ภายในดวงแก้ว  ดวงจิต   ที่ศูนย์กลางกาย  ปรากฏมีองค์พระ  สว่าง  ปรากฏขึ้น   เป็นพระพุทธรูปที่ชัดเจน  อยู่ภายในดวงแก้ว   รู้สึกสัมผัสได้ถึงกำลังแห่งพุทธานุภาพที่ปรากฏขึ้น     รู้สึกได้ถึงว่าเมื่อปรากฏนิมิตดวงแก้วนั้น    มีกำลังในระดับหนึ่ง   แต่เมื่อมีองค์พระในดวงแก้ว อารมณ์จิตเราสัมผัสได้  ว่ากำลังพุทธานุภาพ  กำลังแห่งพุทธนิมิต  ที่อยู่ในกายของเรานั้น   ยิ่งปรากฏเพิ่มพูนขึ้น  

กำหนดจิต   ทรงภาพองค์พระอยู่ภายในดวงแก้ว   และองค์พระนั้นขยายใหญ่ขึ้น    จนมีขนาดหน้าตักประมาณ 9 นิ้ว  อยู่ภายในกายของเรา   ฐานองค์พระอยู่ภายในท้อง   แต่ความสูงของเศียรองค์พระนั้น   พระพักตร์อยู่อยู่ตรงประมาณหัวใจหรือหน้าอก   ปลายพระเกศ   ปลายพระเศียร   อยู่บริเวณคอ   องค์พระปรากฏเต็มองค์   อยู่ภายในกายเราพอดี   องค์พระสว่างขึ้น ใสขึ้น  เป็นเพชรประกายพรึกขึ้น 

กำหนดจิตอธิษฐาน   ว่าการทรงภาพพระเต็มองค์ชัดเจนภายในกายนี้   ขอให้ข้าพเจ้าตั้งจิต   หากจะทรงภาพพระภายในอกเมื่อไหร่  ภายในกายเมื่อไหร่   ก็สามารถกระทำได้   ฝึกได้   ทรงอารมณ์ได้ชัดเจนแจ่มใส          ตลอดเสมอ   หลับตา  ลืมตา  ก็รู้สึกสัมผัสว่าองค์พระ   อยู่ในกายของเราได้ตลอดเวลา   ทรงภาพพระไว้ภายในกายกำหนดจิตว่าการที่เราฝึกนี้   คราวนี้เราจะไปไหนก็ตาม   จะเดินทางไปที่ใดก็ตาม   เราสามารถทรงภาพพระได้ตลอดเวลา  ลืมตา  หลับตา  ทำกิจการงานใด  ก็สามารถทรงภาพพระได้เสมอ 

จากนั้นกำหนดจิตต่อไปว่า   แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทรงภาพพระ   ก็ขอให้พุทธญาณทัศนะ   กระแสแห่งพุทธานุภาพ  กระแสญาณเครื่องรู้  กระแสธรรมของพระพุทธองค์   ได้ปรากฏเป็นญาณเครื่องรู้   ปรากฏขึ้นในจิตของข้าพเจ้า   เป็นธรรมที่ปรากฏ   เหมาะสม   เท่าทันกับสถานการณ์ที่ข้าพเจ้าประสบพบเจอ    ทั้งสิ่งที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ   ขอให้มีกระแสธรรมมากำกับ  กระแสวิปัสสนาญาณปรากฏ  กำหนดน้อมในจิต ภาพองค์พระสว่างทรงอารมณ์  ทรงฌาน  ทรงภาพพระภายในอกเราไว้   อารมณ์ใจเอิบอิ่มผ่องใส  

จากนั้นกำหนดจิตอธิษฐานต่อไป   ขอบารมีพุทธานุภาพ    ที่มาจากอยู่ภายในกายของเรานั้น    ขอจงเกิดพุทธบารมีอันไม่มีประมาณ ปรากฏให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ในขันธ์ 5 ร่างกายของข้าพเจ้า 

พุทธังคงหนัง  ธัมมังคงเนื้อ  สังฆังคงกระดูก  

ขอธาตุ 4 ของข้าพเจ้านี้ มีความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์  ในกำลังแห่งพุทธานุภาพ  ธรรมานุภาพ       สังฆานุภาพด้วยเทอญ  

กำหนดจิต  ทำความรู้สึกในกายของเรา ว่าธาตุ  ดิน น้ำ ลมไฟ  ในกายของเรานั้น กลายเป็นเพชรประกายพรึกสว่าง   เซลล์ทุกเซลล์  ที่มีลักษณะเป็นทรงกลมทั่วร่างกาย  ในอวัยวะทุกส่วน  กลายเป็นเพชรประกายพรึกสว่าง   กายทั้งกายของเราขณะนี้    กลายเป็นเพชรสว่าง   กายเนื้อขัน 5  เป็นเพชรสว่าง   พร้อมกับมีองค์พระสว่าง  เจิดจ้า  เจิดจรัส  อยู่ภายในกายขันธ์ 5  ทรงอารม  ณ์ทรงสภาวะไว้  องค์พระสว่าง  เจิดจ้าผ่องใส  เปล่งฉัพพรรณรังสีสว่าง  กายเนื้อสว่าง  กลายเป็นเพชรประกาศพรึก  

จากนั้นกำหนดจิตต่อไป  อธิษฐานน้อมรำลึกถึงบุญกุศลทั้งหลาย  ทาน ศีล ภาวนา  พระกรรมฐาน  บุญแห่งพระกรรมฐาน  บุญแห่งมหาสังฆทาน  ที่เราสร้างที่บำเพ็ญบุญอันเกิดขึ้น  จากการรักษาศีล  ปฏิบัติธรรมบวชเนกขัมมะขอบุญทั้งหลาย  นับตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน  จงมารวมตัวในขณะนี้  ก่อให้เกิดแสงสว่าง  กระแสแห่งบุญในกาย  ในจิต  เป็นแสงสว่างที่ยิ่งสว่างขึ้น  ใสขึ้น  กายเนื้อและองค์พระยิ่งสว่างขึ้น  ใสขึ้น  จิตยิ่งมีความอิ่ม ความสุข  ความชุ่มเย็น  ความเปล่งประกาย  รู้สึกสัมผัสได้ว่า  กระแสบุญ  กระแสกุศล  เปี่ยมล้นอัดแน่น  ภายในกาย  ภายในจิตภายในองค์พระในกายขันธ์ 5 ของเรา  ความอิ่ม ความสุข ความล้น  ความเปี่ยมพลัง   พลังแห่งบุญปรากฏ   พลังแห่งความสุข  ความอิ่มใจปรากฏ  ความปิติยินดีทั้งหลายปรากฏ  

เมื่อจิตเป็นสุขเต็มที่  สภาวะความเป็นทิพย์ปรากฏสูงสุด  แผ่เมตตาจากองค์พระสว่างออกไป   ไม่มีประมาณกระแสของเมตตา  กระแสของความปรารถนาดี  กระแสแห่งบุญกุศล   แผ่สว่างจากองค์พระ     จากกายเนื้อที่สว่างผ่องใส   แสงสว่างพร้อมกับกระแสเมตตาแผ่สว่างเป็นสีทอง  เจิดจรัสเต็มห้อง  ทรงในอารมณ์เมตตาไม่มีประมาณ

จากนั้นค่อยๆ แผ่เมตตา  สว่างกระจายปกคลุมห้อง  บ้านที่เราอาศัยอยู่  คุมบ้านทั้งหลัง  มีแต่กระแสเมตตากระแสเมตตาสว่าง  กระแสบุญกุศล  แผ่ไปถึงบุคคลในบ้าน  บุคคลอันเป็นที่รัก  พ่อ แม่ สามี ภรรยา บุตร  ญาติทั้งหลาย   แผ่เมตตาให้กับพระภูมิเจ้าที่   เจ้าที่เจ้าทาง      รุกขเทวดาภายในบ้าน แผ่เมตตาจนรู้สึกว่า          บ้านเรือนเคหะสถาน   สถานที่ที่เราอยู่นี้  มีแต่กระแสบุญกุศล  สว่าง  กระแสจิต  กระแสเมตตาส่งถึง  ทุกคนในบ้านมีความสุขเข้าสู่กระแสธรรม  กระแสบุญส่งผล  บ้านร่มเย็นเป็นสุข  บ้านมีแต่ความสุขกาย สุขใจ  เคหะสถานที่เราอาศัยอยู่  มีแต่กระแสที่สงบเย็น  สันติ  เมตตา  อภัยต่อกัน  กระแสบุญกุศล  กระแสกรรมฐานปรากฏ  น้อมจิตอธิษฐานให้เห็นว่า  ในขณะที่เราเจริญพระกรรมฐานนี้  มีเทวดา พรหม  ที่ท่านมารักษากายขันธ์ 5   มาเมตตาปกปักรักษาตัวเราไหม  กำหนดรู้ด้วยความเป็นทิพย์   โมทนาสาธุกับเทวดา พรหม  ที่ท่านเมตตามารักษา  ในขณะที่เราเจริญพระกรรมฐาน  ขอให้ท่านมีส่วนในบุญ  ในกุศลด้วยทุกประการ 

จากนั้นแผ่เมตตาจากจิตของเรา  สว่างจากบ้าน  เป็นแสงรัศมีสีทอง  แผ่กระจ่าง  สว่างกระจาย  มีศูนย์กลางจากองค์พระภายในกายของเรานี้   เป็นกำลังแห่งพุทธานุภาพ   กำลังแห่งกระแสพระนิพพาน    กำลังแห่งกระแสเมตตาอันไม่มีประมาณ   แผ่สว่างปกคลุมเมือง  หรือจังหวัดที่เราอาศัยอยู่ขณะนี้  จะเป็นประเทศใดก็ตาม   ขอให้กระแสเมตตาอันไม่มีประมาณ   แผ่สว่างปกคลุมด้วยอารมณ์จิตของเราที่มีความสุข   แผ่เมตตาจากเมืองครอบคลุมสว่างไปถึงประเทศทั้งหมด   คนที่อยู่ประเทศใด  ก็แผ่เมตตาสว่างคลุมทั้งประเทศนั้น  ประเทศไทยก็จงสว่าง  กระแสบุญกุศล   กระแสเมตตาแผ่สว่าง 

จิตกำหนดรู้เห็นในบุญกุศลที่พุทธบริษัท 4  กัลยาณชนทั้งหลายได้บำเพ็ญ   ได้สร้าง  แผ่เมตตาสว่าง  ขอบุญกุศลจงถึงพระสยามเทวาธิราช  พระเสื้อเมือง  พระทรงเมือง  พระหลักเมือง  เทวดาที่รักษาผืนแผ่นดินไทย   กระแสบุญแผ่สว่างปกคลุมถึงทุกดวงจิต   ขอกระแสบุญกุศล   กระแสแห่งความสงบเย็นในเมตตา   กระแสมรรคผลพระนิพพาน  แผ่ส่งผลขัดเกลาดวงจิตของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย   ให้อ่อนโยน   ให้เข้าถึงธรรม   ให้เข้าถึงศีล  ให้เข้าถึงภาวนา   เข้าถึงกุศล  เข้าถึงผลบุญทั้งปวง   แผ่เมตตาสว่างกระจายออกไป  ปกคลุมจากประเทศ  แผ่คลุมทั้งโลกใบนี้

กำหนดจิต  ขอบารมีพุทธานุภาพ   ให้ข้าพเจ้าแผ่เมตตา   กระแสของความปรารถนาดี   ความรัก  บุญกุศลกระแสพระนิพพาน  กระแสแห่งมรรคผล  กระแสแห่งธรรม  ความดี ความสงบ  บุญกุศล  ขอจงถึงดวงจิตทั้งมนุษย์และสัตว์ทั้งโลกใบนี้  ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลาย  มิติทับซ้อน เมืองบังบดทั้งหลาย  แผ่เมตตาจากโลก     ส่งถึงแม่พระธรณี   ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าและทุกคนกระทำบำเพ็ญมาดีแล้ว    ขอจงเป็นกระแสบุญ  กระแสพลังงาน  หลั่งไหลลงสู่แกนกลางโลก   หลั่งไหลเชื่อมลงสู่เส้นพระเกศาแห่งแม่พระธรณี    กำลังแห่งบุญของข้าพเจ้าและคนทั้งหลายกัลยาณชนทั้งหลายในโลก    ขอเติมพลังให้กับแม่พระธรณี   ให้กับโลกใบนี้   ขอกระแสบุญจงเป็นพลังชีวิตเยียวยาโลกใบนี้  

กำหนดจิต  เห็นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ  ธาตุทั้ง 4 ของโลก   ปรากฏสว่างขึ้น  ใสขึ้น  พื้นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ พื้นดินเกิดความอุดมสมบูรณ์  ก็เกิดพืชพันธุ์ธัญญาหารหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย   ธาตุลม อากาศบริสุทธิ์สลายล้างฝุ่นควัน   หมอกควันเชื้อโรคทั้งหลายจงสลายตัวลง   ธาตุลมจงเปี่ยมด้วยพลังแห่งปราณ   พลังชีวิต     ความสะอาดบริสุทธิ์   ธาตุไฟในโลก   จงมีความสมดุลพอดี  สภาวะอากาศ   ความอบอุ่น   ขอจงเข้าสู่ความสมดุลพอดี   ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ  ของโลก   ขอจงปรากฏสภาวะเป็นเพชรประกายพรึก  เป็นปฏิภาคนิมิต  เห็นโลกทั้งดวงกลายเป็นปฏิภาคนิมิต

จากนั้นกำหนดจิต   แผ่เมตตาสว่างออกไป   กระแสเมตตาสว่างออกไปทั่วอนันตจักรวาล     กระแสเมตตาของเราตอนนี้   แผ่อุทิศน้อมจิตไปยังดวงอาทิตย์  สุริยะจักรวาลในระบบของเรา   กระแสกุศล  กระแสแห่งบุญ   กระแสเมตตา   ขอจงปรากฏแผ่ไปยังดวงอาทิตย์  ขอเติมกระแสพลังแห่งธาตุไฟในดวงอาทิตย์  ด้วยกระแสแห่งธรรม กระแสแห่งฌานสมาบัติ  กระแสแห่งเมตตา  ขอจุดดับบนดวงอาทิตย์นั้น  จงค่อยๆ คลี่คลายปฏิกิริยาแห่งธาตุไฟนั้น  จงก่อเกิดเติมเต็ม  สลายจุดดับ  จุดคราส  จากกระแสอกุศล  กระแสวิบาก   อันเกิดขึ้นจากอกุศลและจิตของมนุษย์ทั้งหลาย  ที่กระทำบาปหยาบช้า   จนเกิดพลังงานเป็นคราสไปบดบังดวงอาทิตย์  

เมื่อคราส  คือกระแสจิตไปบดบังดวงอาทิตย์  ดวงอาทิตย์เกิดสภาวะที่เกิดจุดดับ  ก็จะปรากฏพายุสุริยะ  เป็นเปลวพลังงานสะท้อนย้อนกลับมาแผดเผายังโลกใบนี้   ให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในหลาย ๆ ส่วน  ทั้งการเกิดแผ่นดินไหว  คลื่นความร้อน  คลื่นพลังงานที่ผิดปกติ  คลื่นพลังงานของพายุสุริยะ  ที่ทะลุทะลวงทำลายชั้นบรรยากาศและสนามแม่เหล็กโลก  ก่อให้เกิดความความแปรปรวนในโลกธาตุของโลกมนุษย์   กระแสจิตที่เป็นอกุศล   สะท้อนย้อนกลับคืนสู่โลกใบนี้ฉันใด   เราเหล่ากัลยาณชน  เราผู้ฝึกใยพระกรรมฐาน    น้อมนำอาราธนาบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์   แผ่เมตตาอันไม่มีประมาณ  หลอมรวมดวงจิตแห่งกุศล  กระแสพลังงานแห่งกุศลของกัลยาณชนทุกคนทั่วโลก   แผ่เป็นแสงสว่างพุ่งตรงไปยังดวงอาทิตย์  ขอดวงอาทิตย์นั้นจงปรากฏพลังงาน  ปฏิกิริยาแห่งการกำเนิดพลังงานฟิวชั่น  ก่อเกิดแสงสว่างสมดุล  กลับคืนสู่ปกติ  

จากนั้นกำหนดจิต  เห็นภาพองค์พระทรงเครื่องจักรพรรดิ์   ทับซ้อนอยู่กลางดวงอาทิตย์   ดวงอาทิตย์ค่อยๆ สว่างขึ้น   จุดดับบนดวงอาทิตย์ที่ปรากฏขึ้น   เป็นจุดดับขนาดใหญ่   ขอจงค่อยๆ สลายลง  คราสที่ปรากฏบนดวงอาทิตย์จงค่อยๆ สลายลง   ด้วยกำลังแห่งชาติฉัพพรรณรังของพระพุทธเจ้า   ของสมเด็จองค์ปฐม   ขอจงปรากฏความสว่างบนดวงอาทิตย์   กำหนดนิมิตนะ   เห็นภาพดวงอาทิตย์มีองค์พระปรากฏสว่าง   กระแสพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์   ปรากฏอบอุ่น  สมดุลเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต   หล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตในดวงดาวทั้งหลาย   ในสุริยะจักรวาลของเรา   ไม่เฉพาะกับโลกมนุษย์   แต่ทั้งดาวอังคาร  ดาวศุกร์  ดาวพฤหัสบดีและดาวดวงอื่น   ที่มีสิ่งมีชีวิต   ก็ขอให้กระแสพลังงานแห่งดวงอาทิตย์  แผ่สว่าง  ทำงานเป็นปกติ  

กำหนดน้อมจิตเห็นภาพดวงอาทิตย์สว่าง  มีองค์พระสว่าง  จุดนี้ก็เป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ  เกิดจุดดับขนาดมโหฬารบนดวงอาทิตย์  ซึ่งผิดปกติอย่างยิ่ง   เราก็ใช้กำลังกรรมฐานช่วยกัน   จากนั้นกำหนดจิตนะ   แผ่เมตตาจากดวงจิต  จากองค์พระ  แผ่สว่างออกไปเลยสุริยะจักรวาล  แผ่จนไปทั่วอนันตจักรวาล  ความรู้สึกกระแสของความสงบเย็น   กระแสเมตตา  รัศมีของความเมตตา  ความปรารถนาดี  ความสุขบุญกุศล  แผ่ด้วยความสงบเย็นจากจิตของเรา  สุดขอบอนันตจักรวาล  ทุกเอกภพ  ทุกกาแล็คซี่ ทุกจักราศี  จักรภพทั้งหลาย  ขอเมตตาจากองค์พระจากจิตเรา  แผ่แสงสว่าง  

จากนั้นกำหนดจิต   แผ่เมตตาขึ้นไปยังพบที่เป็นสุคติภูมิ   นับตั้งแต่ภพของภูมิเทวดา รุกขเทวดา  อากาศเทวดาทั้ง 6 ชั้น   พรหมโลกทั้ง 16 ชั้น   อรูปพรหมทั้ง 4 และแผ่เมตตาพ้นจากภพภูมิขึ้นไปอย่างพระนิพพาน         ขอเทวดาพรหม  และพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย   ได้โมทนาสาธุในการเจริญเมตตาอัปปมาณฌาน  เจริญพระกรรมฐานด้วยกำลังแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณของข้าพเจ้าทุกคน  

จากนั้นแผ่เมตตาลงไปยังภพที่เป็นทุกคติภูมิ   ภพที่เสวยความทุกข์   วิบากจากผลกรรม  ผลแห่งการอกุศลแผ่เมตตาให้กับดวงจิต ดวงวิญญาณ โอปปาติกะ  สัมภเวสีทั้งหลาย  วิญญาณที่จรปะปนอยู่ในโลกทั้งหลาย  แผ่เมตตาต่อไปยังสรรพสัตว์ที่เป็นเปรตอสูรกายทั้งหลาย   สรรพสัตว์ที่ปรากฏเกิดผลกรรม   จุติเป็นสัตว์นรกทั้งหลาย    เสวยวิบากอยู่ในนรกทุกขุม

ขอเมตตา  ขอกระแสบุญ  กระแสกุศล  กระแสจิต เชื่อมโยงกับกระแสพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ             สังฆานุภาพ   พร้อมเปิดสามแดนโลกธาตุ   แผ่เมตตา  ระเบิดสว่างจากองค์พระภายในอก    ระเบิดสว่างเปิด 3 ภพภูมิ   เปิดสามแดนโลกธาตุ   เข้าถึงกระแสบุญกุศล   กระแสแห่งเมตตา   กระแสความสงบเย็น   ทรงอารมณ์ในเมตตาฌานไว้   ยิ่งแผ่เมตตา  ยิ่งมีความสุข  จิตยินดีที่แสงสว่าง  กระแสเมตตาที่เราแผ่ไป   เมื่อกระทบจิตใด  จิตนั้นก็พลอยสว่าง   จิตนั้นก็โมทนาบุญ   จิตนั้นก็เข้าถึงความสงบร่มเย็น   จิตนั้นก็สุขกายสุขใจ   แผ่เมตตาสว่าง  

จากนั้นกำหนด  เห็นกายทิพย์ของเรา  ลอยขึ้นไปเหนือจักรวาล  ภายในกายทิพย์เราปรากฏองค์พระ        กายทิพย์เราลอยอยู่เหนือโลก  เหนือจักรวาล   แผ่เมตตาสว่างเปิด 3 ภพภูมิ   ใจยิ่งเอิบอิ่มเป็นสุข    แผ่เมตตาผ่านกายทิพย์  ที่รออยู่เหนือจักรวาลนั้น   จิตเป็นสุขอย่างยิ่ง  จิตเอิบอิ่มอย่างยิ่ง  จิตสะอาดจากสรรพกิเลสอย่างยิ่ง       

ขอกำลังแห่งการเจริญ   ในเมตตาอันไม่มีประมาณนี้   จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรม  ในวิสัยแห่งเมตตาเจโตวิมุตติ  จิตวิมุติหลุดพ้นด้วยกำลังแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ   ขอธรรมที่ข้าพเจ้าเข้าถึง   จงมีความสะอาดบริสุทธิ์   จิตในขณะนี้        สะอาดจากสรรพกิเลสทั้งปวง    มีแต่เมตตา    มีแต่กุศล   จิตเกิดปัญญาญาณ  เข้าถึง      รู้ในสามภพสามภูมิ   เห็นภัย  เห็นทุกข์ เห็นโทษ    เห็นความแตกต่างแปรปรวน   การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏทั้งสามภพสามภูมินั้น  แผ่เมตตาของเราสว่าง   ขอสรรพสัตว์ทั้งหลาย  จงประสบแต่ความสุข    สรรพสัตว์ทั้งหลายขอจงพ้นจากความทุกข์   ขอจงพ้นภัยจากวัฏสงสาร   เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน    อันเป็นเอกลักษณ์บรมสุขโดยทั่วกัน     ดวงจิตใดเข้าถึงบุญกุศลความสุขอยู่แล้ว   ก็ขอให้มีความสุขยิ่งขึ้นไป สรรพสัตว์ใดเสวยความทุกข์อยู่    ก็ขอให้พ้นจากความทุกข์   คลายจางลงจากวิบากความทุกข์ทั้งหลาย   กระแสจิตของสรรพสัตว์ใด   ร้อนลุ่ม  กลัดกลุ้ม  อยู่ในความโกรธ  ความพยาบาท  ก็ขอให้กระแสเมตตานั้น  จงดับทุกข์  ดับร้อน  ดับความเร่าร้อนแห่งปวงกิเลส   ความเร่าร้อนแห่งความโกรธ   จงดับด้วยกระแสแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ   เมตตา อภัย  สันติสุข จงก่อเกิดทั่วทุกภพภูมิ         แผ่เมตตาเป็นกระแสแห่งความสันติ  ความสุข  ความสงบเย็น   เป็นคลื่นเป็นความเย็น   เป็นพลังงานอันไม่มีประมาณแผ่ออกไปทั่วทุกภพภูมิ  

ทรงอารมณ์  ทรงสภาวะพร้อมกับกำหนดรู้ตามหลักรู้ในจิต ว่าจิตของเรานี้   เมื่อเจริญกรรมฐาน   เมื่อฝึกฝนไว้ดีแล้ว   จิตที่ฝึกฝนไว้ดีแล้ว  ย่อมนำประโยชน์สุขมาให้   คำนี้เป็นพระพุทธวจน  และประโยชน์สุขที่นำมาให้นั้น     ไม่จำเพาะแต่เฉพาะจิตของเรา   แต่เป็นไปเพื่อหมู่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย  กำหนดจิต  แผ่เมตตาสว่าง   ยินดีในเมตตา    ยินดีในความสุขสงบ   ยินดีที่ทุกสรรพสัตว์ ทุกดวงจิต  เข้าถึงบุญกุศล  ยินดีที่ทุกสรรพสัตว์  ทุกดวงจิต    พ้นจากความทุกข์   บรรเทาเบาบางจากความทุกข์   ทรงอารมณ์ความสุขผ่องใสไว้

จากนั้นอธิษฐานจิต   ขอให้กำลังแห่งเมตตาอัปปมาณฌาน  คือเมตตาอันไม่มีประมาณ   แผ่สว่าง  เปิดโลกด้วยกำลังแห่งพุทธานุภาพ  ธรรมานุภาพ  สังฆานุภาพ  กำลังจิตที่เชื่อมโยงกับพระโพธิสัตว์  พระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย  เทพพรหมเทวา   สิ่งศักดิ์สิทธิ์  ผู้เป็นสัมมาทิฏฐิทั้งหลาย  กำลังแห่งกุศลในเมตตาอันไม่มีประมาณ           จงปรากฏเกิดขึ้นในจิตของข้าพเจ้า   เข้าถึงสภาวะธรรมนี้   ได้ในทุกครั้ง  ทุกเวลา   ทุกสถานที่  ลืมตา หลับตา         และตระหนักรู้   ถึงพลังงานความสว่าง  ความเมตตาอันไม่มีประมาณ   ที่ถูกปลูกฝังขึ้นเป็นโพธิจิตในดวงจิตของเราทุกคนขณะนี้แล้ว   โพธิจิตก็เกิดอารมณ์จิตแห่งความเป็นพระอริยเจ้า  

กำหนดน้อมเห็นภาพนิมิตภายในดวงจิต  ก็เกิดต้นโพธิ์ที่มีแต่แสงสว่างสีทอง   โพธิจิตได้งอกงามในดวงจิตของเราทุกดวงแล้ว  ทรงอารมณ์  ทรงสภาวะ  ที่เห็นกายทิพย์ของเราสว่าง   ลอยอยู่กลางจักรวาล       โพธิจิตปรากฏมีองค์พระนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์   ขอโพธิรัตนบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้า   ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ   ขอธรรมทั้งหลายจงหลั่งไหลลงสู่โพธิจิต  ภายในจิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญ  

ทรงอารมณ์  ทรงสภาวะ   พร้อมกำหนดสภาวะที่ผุดรู้ในธรรมทั้งหลาย   สัมผัสถึงกระแสบุญ  กระแสพลังงานกระแสแห่งพุทธานุภาพทั้งหลาย   ที่ปรากฏขึ้นในขณะที่เราเจริญจิตกรรมฐานนี้  อยู่กับความสงบนิ่ง  สภาวะที่จิตสะอาดจากกิเลส  เปี่ยมไปด้วยบุญกุศล  เปี่ยมไปด้วยเมตตาอันไม่มีประมาณ  ปราศจากการเบียดเบียน   ปราศจากความเร่าร้อน   ปราศจากความทุกข์  มีแต่กระแสเมตตาอันไม่มีประมาณ  กำหนดน้อมอารมณ์จิต  อารมณ์พระนิพพานในอารมณ์แห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ   เราเป็นผู้ที่ปราศจากเวรภัย  เราเป็นผู้ที่เห็นทุกข์  รู้เท่าทันภัยในสังสารวัฏ   เราเจริญจิตในเมตตาอันไม่มีประมาณ   เจริญพระกรรมฐาน   เพื่อความดับอันไม่เหลือเชื้อแห่งการเกิด  

กำหนดน้อมจิต  กายทิพย์ของเราลอยพ้นจากสามภพสามภูมิ   พ้นจากโลก  พ้นจากสังสารวัฏ   กายทิพย์ลอยขึ้นสู่พระนิพพาน   พ้นโลก  เหนือโลก  พ้นสังสารวัฏ   พ้นความเกาะ  ความยึดเหนี่ยว  แรงดึงดูด    ความทะยานอยากแห่งตัณหาทั้งหลาย   ไม่อาจกล้ำกลายจิตของเราได้   ผลจากโลก   พ้นจากภัยสังสารวัฎทั้งปวง 

ทรงอารมณ์พระนิพพานไว้  พ้นโลก เหนือโลก  เมื่อสมควรกับเวลาแล้ว   เราก็กำหนดจิต   น้อมจิตกราบพระพุทธเจ้า  อธิษฐานจิตขอให้ปรากฏอาทิสมานกายของเรานั้น   บรรจงกราบลาพระพุทธเจ้า  พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกพระองค์  มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน   ขอจงปรากฏเทพพรหมเทวา   ท่านผู้มีพระคุณ            ครูบาอาจารย์    ขอเมตตาปรากฏในพุทธนิมิต   ในอารมณ์จิตความเป็นทิพย์บนพระนิพพานของข้าพเจ้าด้วยเทอญน้อมจิตกราบด้วยความเคารพ  ด้วยความนอบน้อม 

จากนั้นกำหนดจิตนะ   ให้กายทิพย์ของเราพุ่งเป็นแสงสว่าง   พร้อมกับน้อมนำกระแสแห่งพระนิพพาน       คือบุญทั้งหลาย   กุศลทั้งหลาย    ของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์    พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์  พระอรหันต์ทุกๆ พระองค์  รวมเป็นกระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน   ส่องลงมาตรงลงมายังกายเนื้อของเรา   เป็นแสงสว่างขนาดใหญ่  ชำระล้างฟอกขันธ์  ขันธ์ 5 ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง  ขอจงใสเป็นแก้ว   โครงกระดูก  เส้นเอ็น  หลอดเลือด ขอจงสะอาดใสบริสุทธิ์เป็นแก้ว   อาการทั้ง 32 อวัยวะภายในทุกส่วน   ขอจงใสเป็นแก้ว    เซลล์ทุกเซลล์       กายเนื้อทุกส่วน DNA ขอจงสะอาดใสบริสุทธิ์เป็นแก้ว  ขอธาตุธรรมจงฟอกธาตุขันธ์   ชำระล้างธาตุขันธ์กายหยาบจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง  ขอจงสลายสิ้นไป 

จากนั้น  น้อมกระแส  ขอกระแสสายบุญ  สายทรัพย์  สายสมบัติ  ที่ยังอยู่ในภพใด ชาติใดก็ตาม สายบุญ   สายทรัพย์  สายสมบัติ  ที่เป็นสวรรค์สมบัติ  พรหมสมบัติ  ขอจงกลั่นปรากฏ  กลายเป็นมนุษย์สมบัติ    ให้ข้าพเจ้าได้ใช้สร้างบุญ  สร้างบารมี  ดูแลตัวเอง  ดูแลครอบครัว  ดูแลคนที่รัก  ทำนุบำรุงชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์สืบต่อไปด้วยเทอญ  ขอเปิดสายบุญ สายทรัพย์ สายสมบัติ  ขอจงปรากฏเป็นมนุษย์สมบัติ  โปรยปรายลงมา  แก้ว แหวน เงิน ทอง ธนบัตร  สินทรัพย์  อันจับต้องได้   ขอข้าพเจ้าทั้งหลาย  จงปรากฏผลบุญเปิดปรากฏ  เป็นมหาอุบาสก          มหาอุบาสิกา   ผู้ใจบุญ  ทำนุบำรุงพระศาสนาสืบต่อไป  

จากนั้นกำหนดจิต  โมทนาสาธุกับกัลยาณมิตรที่ร่วมกันฝึก  ร่วมกันปฏิบัติในวันนี้  และที่จะปฏิบัติ   ติดตามฟังในภายหลัง  

กำหนดจิตของเราต่อไป 

หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ช้า ลึก ยาว  สว่าง ภาวนาพุทโธ

ครั้งที่ 2 หายใจช้าลึก ยาว ธัมโม

ครั้งที่ 3 หายใจเข้า ช้า ลึก ยาวสังโฆ

คุณ  พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุ้มครองรักษาทั้งกาย วาจา ใจ ของข้าพเจ้าให้อยู่ในกุศล ขอพระกรรมฐานเจ้าแก้วดวงอันประเสริฐ  ขอจงมาสถิตย์อยู่เหนือกระหม่อมจอมขวัญ  ขอองค์พระพุทธานุภาพจงปรากฏ ในกายทวารกลางอกของข้าพเจ้า  เหนือกระหม่อมของข้าพเจ้า  ภายในศีรษะของข้าพเจ้า  องค์พระ 3 ฐาน  พุทธานุภาพจงปรากฏอย่างไม่มีประมาณ  ขอข้าพเจ้าทรงอารมณ์พระกรรมฐานได้อย่างยอดเยี่ยม  ปราณีต  ละเอียด ญาณเครื่องรู้ชัดเจนแจ่มใส  ถูกต้อง  รู้เห็นทุกอย่างได้ตามความเป็นจริงทุกประการ

สำหรับวันนี้ก็ขอให้ทุกคน  มีความสุข  มีความเจริญรุ่งเรือง  บุญจงทรงผล  บุญพระกรรมฐานอันเป็นบุญใหญ่  ขอจงส่งผล   ให้เราทุกคนจงเจริญทั้งทางโลก ทางธรรม  ธรรมะจงเปลี่ยนชีวิตของเรา ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง     เป็นยอดคน  แล้วก็ขอให้เราเป็นบุคคลที่ถึงพร้อมในบารมีทั้ง 30 ทัศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเพียร  ความสม่ำเสมอ   ความศรัทธา  ความตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรม  สำหรับในสัปดาห์หน้า    ก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่เป็นการปฏิบัติช่วงถือศีลบวชธุดงค์  ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง  ก่อนหน้านั้น  ก็อาจจะมีการแนะนำ  สำหรับผู้ที่จะไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง      ก็ติดตามกันต่อไป  สำหรับวันนี้ก็ขอให้เราทุกคน  ทรงอารมณ์ความผ่องใส  ทรงอารมณ์พระกรรมฐานได้ตลอดเวลา  ในขณะที่เราดำเนินชีวิตประจำวันอยู่ได้

สำหรับวันนี้สวัสดี พบกันใหม่สัปดาห์หน้า

เรียบเรียงและถอดความโดย คุณ สิริญาณี แลบัว

You cannot copy content of this page